ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถหาซื้อแสตมป์พระเครื่อง เพื่อบูชาหรือสะสมได้ ภายในงานแสดงตราไปรษณียากรแห่งชาติ 2558 ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2558 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อาคารไปรษณีย์กลาง เขตบางรัก กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1545 หรือเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th
คุณวิรัช ลิปภานนท์ หัวหน้าสำนักงานพื้นที่นครหลวงใต้ 5 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า หากกล่าวถึงความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัตถุมงคล และของขลังแล้ว ประเทศไทยนับเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ได้ชื่อว่า มีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือของขลังมากที่สุด โดยเฉพาะพระเครื่องที่หลายคนนำมาเป็นของขลัง อีกทั้งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และถือคติว่าพกติดตัวแล้วจะแคล้วคลาด ปลอดภัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พระเครื่องที่มีพุทธคุณและได้รับความนิยมสูงนั้น มักจะมีมูลค่าสูงตามไปด้วย อย่างไรก็ดี เพื่อให้เป็นการเปิดโอกาสให้นักสะสม และประชาชนที่ศรัทธาสามารถเข้าถึง และสัมผัสถึงความศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างทั่วถึงได้ในราคาย่อมเยา ไปรษณีย์ไทยจึงได้นำภาพพระเครื่องรุ่นมหานิยมมาจัดทำเป็นดวงแสตมป์ ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์ภาพพระจากเซียนพระชื่อดังลำดับต้นๆ ของประเทศ โดยล่าสุดกับแสตมป์ภาพพระรูปเหมือนหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ พ.ศ.2505 สุดยอดเกจิอาจารย์รูปสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ได้ภาพต้นแบบจากพระเครื่องหลวงปู่ทวดองค์จริง ของคุณตี๋เหล้า-ศุภชัย เรืองสรรงามสิริ รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยมาจัดพิมพ์เป็นดวงแสตมป์ทั้งสิ้น 1,000,000 ดวง (50,000 แผ่น) โดยทั้งหมดได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษก เพื่อความเป็นสิริมงคล ณ พระอุโบสถวัดประสาทบุญญาวาส ต้นกำเนิดพระเครื่องหลวงปู่ทวด ปี 2506 ที่มีพุทธคุณแคล้วคลาดภัยอันตราย และเมตตามหานิยม โดยออกจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา
คุณวิรัช กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี เมื่อปี 2557 ไปรษณีย์ไทย ได้มีการนำพระเบญจภาคี (เนื้อผง) มาจัดทำเป็นแสตมป์เช่นกัน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งนักสะสมและประชาชนที่สนใจ ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการแสตมป์ไทยและพระเครื่องเป็นอย่างมาก ที่นอกจากจะมีประชาชนมาต่อแถวรอซื้อแสตมป์เป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีประชาชนถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล (เลขท้ายสามตัว) จากเลขบาร์โค้ดของแสตมป์ ตลอดจนเหตุการณ์ไฟไหม้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ สาขาพระนครศรีอยุธยา ที่ทุกสิ่งไหม้หมด แต่เหลือไว้เพียงแสตมป์ชุดพระเบญจภาคี (เนื้อผง) ซึ่งส่งผลให้แสตมป์ชุดดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเป็นของหายากในปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นการตอกย้ำถึงความศักดิ์สิทธิ์ และแคล้วคลาดปลอดภัยแก่ผู้ที่มีไว้ในครอบครองได้เป็นอย่างดี
ด้าน คุณเจนวิทย์ อภิชัยนันท์ กรรมการบริหารสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พ่วงดีกรีแฟนพันธุ์แท้แสตมป์ไทยสามสมัยซ้อน กล่าวเสริมว่า "แสตมป์" นอกจากจะถูกใช้ติดซองจดหมายหรือโปสการ์ดเพื่อส่งไปยังสถานที่ต่างๆ แล้ว ยังเปรียบเสมือนทูตวัฒนธรรมตัวจิ๋วที่ช่วยประชาสัมพันธ์ พร้อมสะท้อนเอกลักษณ์และแง่มุมต่างๆ ของประเทศไทย ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รู้จักมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ ศาสนา ประเพณี และศิลปวัฒนธรรมไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว งดงาม น่าสะสม ตลอดจนให้ความรู้มากมาย ซึ่งนับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงให้มาเป็นนักสะสมอย่างในปัจจุบัน
คุณเจนวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการสะสมแสตมป์นั้น นับเป็นงานอดิเรกที่ให้ประโยชน์อย่างมาก ทั้งในเรื่องของการฝึกเป็นคนช่างสังเกต ฝึกความอดทน และใจเย็น ตลอดจนรู้จักเก็บรายละเอียด ควบคู่ไปกับการต่อยอดหาความรู้และความสำคัญจากภาพบนดวงแสตมป์ อย่างไรก็ดี สำหรับแสตมป์พระเครื่องนั้น ที่ผ่านมา บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ได้จัดสร้างแสตมป์พระเครื่องมาแล้วเป็นจำนวนมาก อาทิ แสตมป์ชุดพระเบญจภาคี (เนื้อผง) แสตมป์พระเครื่องชุดแรกที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดระฆัง ซึ่งได้รับการกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วประเทศ ทั้งโชคลาภ และแคล้วคลาดปลอดภัย แสตมป์ชุดพระเบญจภาคีเหรียญเกจิอาจารย์ แสตมป์ชุดรวมเหรียญพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ทั้งหลวงพ่อคง หลวงปู่เอี่ยม หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่อฉุย และหลวงปู่ศุข แสตมป์ชุดพระยอดขุนพล (พระเบญจภาคีเนื้อชิน) พระเครื่องเนื้อชิน เป็น 1 ใน 4 ชนิดของพระเครื่องที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งแต่ละองค์มีอายุตั้งแต่ 500 ปี ไปจนถึง 800 ปี ทั้ง พระร่วงหลังรางปืน พระหูยาน พระชินราชใบเสมา พระมเหศวร พระท่ากระดาน และล่าสุดกับแสตมป์ชุดภาพพระรูปเหมือนหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ พ.ศ.2505 หรือที่รู้จักกันในนามหลวงปู่ทวดหลังเตารีด สุดยอดเกจิอาจารย์รูปสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่เปิดให้บูชาไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
ทั้งนี้ สำหรับผู้ในสนใจสามารถหาซื้อแสตมป์พระเครื่อง เพื่อบูชาหรือสะสมได้ ภายในงานแสดงตราไปรษณียากรแห่งชาติ 2558 ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2558 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อาคารไปรษณีย์กลาง เขตบางรัก กรุงเทพฯ โดยสามารถเดินทางได้ไปยังงานดังกล่าว ได้ทั้งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน หรือรถประจำทางสาย 1, 15, 35, 75 มาลงหน้าอาคาร ตลอดจนล่องเรือด่วนเจ้าพระยามาขึ้นที่ท่าสี่พระยา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1545 หรือเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit