นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า นับจากนี้เหลือเวลาไม่ถึง 5 เดือน ที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 10 ประเทศ จะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ กสอ. ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ให้สามารถแข่งขันในตลาดเสรีได้อย่างยั่งยืน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการไทย ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในด้านการบริการจัดการ การผลิต และการขยายกิจการ กสอ. จึงได้ร่วมกับสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันหารือถึงแนวทางเพิ่มโอกาสการอนุมัติเงินทุน ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ ไปยังสถาบันการเงินโดยตรง ซึ่งในทางปฏิบัติจะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศในภาพรวม เพราะผู้ประกอบการกลุ่มนี้มี มากถึง 2.7 ล้านราย หรือคิดเป็น กว่าร้อยละ 80 ของการจ้างงานรวมทั้งประเทศ
นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กสอ. ได้มีการทำ MOU กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ในลักษณะการส่งต่อข้อมูลผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อขอรับสินเชื่อจาก SMEs Bank ในปี 2558 จำนวน 478 กิจการ วงเงิน 2,016 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้รับอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว จำนวน 269 กิจการ เป็นวงเงินทั้งสิ้น 1,005.80 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มอีกจำนวน 188 กิจการ ผลจากการดำเนินโครงการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการด้านต่างๆ ได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ประกอบการ SMEs ที่ผ่านการส่งเสริมและพัฒนาจาก กสอ. มีโอกาสสูงมากที่จะได้รับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ดังนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างต่อเนื่อง กสอ. จึงได้ขยายผลโดยการดำเนินงานโดยเชิญสถาบันการเงินชั้นนำ กว่า 20 แห่ง เข้าร่วมหารือเพื่อเร่งรัดให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรม SMEs ไทย ทั้งนี้ กสอ. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการหารือกันในครั้งนี้ จะสามารถเป็นแกนกลาง ในการส่งต่อผู้ประกอบการไปสู่สถาบันการเงินแห่งอื่นๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งการขยายความร่วมมือด้านต่างๆ เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ในการก้าวสู่ผู้นำตลาดอาเซียนในอนาคต
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2202 4414-18 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือ www.facebook.com/dip.pr