KCM ผลงานครึ่งปีแรกสุดเนี้ยบ กำไรสุทธิ 17.06 ลบ. เพิ่มขึ้น 58.43% เดินหน้าขยายสาขา-เพิ่มไลน์สินค้า ตอบโจทย์ความต้องการครบวงจร

11 Aug 2015
บมจ.เค.ซี. เมททอลชีท (KCM) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายหลังคาเหล็กเมททัลชีท ภายใต้ตราสินค้า “รถถัง” โชว์ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี”58 สุดเนี้ยบ กวาดรายได้กว่า 325.09 ล้านบาท และฟันกำไรสุทธิ 17.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.43% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านบิ๊กบอส “นิพนธ์ เจริญกิจ” ย้ำ! กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เพิ่มสินค้าใหม่-ขยายฐานลูกค้า-เพิ่มสาขาอีก 10 แห่งทั่วปท. เน้นสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าสูงสุด

นายนิพนธ์ เจริญกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. เมททอลชีท จำกัด (มหาชน) (KCM) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายหลังคาเหล็กเมททัลชีท ภายใต้ตราสินค้า “รถถัง” และดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งโครงเหล็กสำเร็จรูปสำหรับอาคารโรงงาน คลังเก็บสินค้า รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจให้เช่าอาคาร โรงงาน, โกดัง และคลังสินค้าสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2557 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 155.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.98 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.5 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 325 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58.43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.77 ล้านบาท เนื่องจากว่าบริษัทรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อที่เข้ามาต่อเนื่อง ผนวกกับในช่วงครึ่งปีแรกนี้บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการปรับตัวลดลงอย่างมาก

“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2558 และในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทเป็นที่น่าพอใจ หลังรับรู้รายได้จากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่ได้รับมา และจากค่าเช่าอาคารสำเร็จรูปจากโครงสร้างเหล็ก อีกทั้งยังสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน จากการบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่ายในการขายได้ดีเยี่ยม ซึ่งส่งให้ต้นทุนของเราลดลงอย่างมากด้วย” นายนิพนธ์กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้า และจัดหาสินค้าใหม่ๆ เข้ามาขายภายในสาขาหน้าร้านให้มากยิ่งขึ้น และเร่งเพิ่มสาขาย่อย โดยคาดว่าจะสามารถเปิดสาขาย่อยจำนวนประมาณ 10 สาขาได้ภายในปีนี้ เพื่อเป็นการการขยายตลาด และรองรับการเติบโตของฐานลูกค้าที่กระจายอยู่ตามต่างจังหวัดอื่นๆ โดยสาขาแรกจะเปิดคือ จังหวัดนครสวรรค์ และคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จได้ภายในเร็วๆ นี้

“บริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมลูกค้าในจังหวัดอื่นๆ นำสินค้าใหม่เข้ามาขายในสาขาหน้าร้าน เช่น สปีดวอลหรือผนังสำเร็จรูป ระบบหน้าต่าง-ประตู และเพิ่มสาขาย่อยอีก 10 แห่งทั่วประเทศ โดยเราเล็งเห็นว่าการที่สาขาที่มีหน้าร้านสามารถขายสินค้าได้หลายหลาก และสามารถทำให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าสำหรับการสร้างบ้าน 1 หลัง ตั้งแต่พื้นขึ้นไปจนถึงหลังคา ได้ครบทุกชิ้นตามที่ต้องการนั้น จะเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี เป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าอีกทางหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะสร้างความพอใจให้กับลูกค้าได้และเป็นอีกแรงผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปีนี้สามารถเติบโตตามเป้าหมายได้” นายนิพนธ์ กล่าวในที่สุด