ก.ล.ต. ย้ำผู้ถือหุ้น UPA ไปใช้สิทธิออกเสียงในรายการเกี่ยวโยงกันระหว่าง UPA และ APU

25 Aug 2015
ก.ล.ต. ขอให้ผู้ถือหุ้น บมจ. ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) ศึกษาข้อมูลและไปใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ เพื่อพิจารณารายการที่ UPA จะขออนุมัติปรับลดสัดส่วนการซื้อหุ้นบริษัท อันดามันเพาเวอร์ แอนด์ ยูทิลิตี้ จำกัด (APU) จาก 100% มูลค่า 340 ล้านบาท เป็นไม่น้อยกว่า 75% โดยจะชำระเงินตามสัดส่วนที่ซื้อได้จริง

การขออนุมัติปรับลดสัดส่วนการซื้อหุ้นนี้ เป็นผลจากการที่ UPA (เดิมคือ บมจ. ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ หรือ CYBER) ระบุว่า ไม่สามารถดำเนินการตามมติที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นไว้เดิม กล่าวคือ ไม่สามารถรวบรวมหุ้นของ APU ให้ได้ครบทั้ง 100% จึงทำให้ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ UPA จะขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น เพื่อปรับลดสัดส่วนการเข้าซื้อหุ้น APU เป็นไม่น้อยกว่า 75% แทน โดยมีความเห็นของคณะกรรมการบริษัทว่า ยังจำเป็นที่จะเข้าซื้อหุ้น เนื่องจากจะเกิดประโยชน์กับบริษัท ทำให้มีธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพสร้างผลการดำเนินงานที่ดี ประกอบกับสามารถเริ่มจำหน่ายกระแสไฟฟ้ากำลังการผลิต 6-20 เมกะวัตต์ได้แล้วเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2558 และไม่มีความแตกต่างในการมีอำนาจการบริหารงานAPU แต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี ความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ที่ระบุว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติ สอดคล้องกับความเห็นเดิมของ IFA ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งก่อนซึ่ง UPA ต้องการจะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ APU เพราะเห็นว่า (1) ราคาซื้อหุ้น APU ไม่เหมาะสม โดยมีราคาสูงกว่ามูลค่าที่ IFA ประเมินไว้ ซึ่งมีส่วนต่างสูงสุด 219.56 ล้านบาท (2) การชำระเงินงวดแรกเพื่อจะได้หุ้น APU ซึ่งเพิ่งเริ่มดำเนินงานส่งกระแสไฟฟ้าให้เมียนมาร์ได้ จำนวนไม่เกิน 250 ล้านบาท ไม่เหมาะสม เพราะสูงกว่ามูลค่าที่ IFA ประเมินไว้ 129.56 ล้านบาท (3) การชำระเงินในส่วนเกินมูลค่าหุ้น (premium) จำนวนไม่เกิน 90 ล้านบาท ไม่เหมาะสม เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 150-200 เมกะวัตต์ รวมถึงสัญญาสัมปทานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีความแน่นอน รวมถึงต้องลงทุนเพิ่มเติมอีก 7,850 ล้านบาท ดังนั้น IFA จึงไม่สามารถประเมินมูลค่าความเหมาะสมของโครงการดังกล่าวได้ (4) การซื้อหุ้น APU มีความเสี่ยงหลายเรื่อง อาทิความเสี่ยงจากค่าปรับที่อาจต้องจ่ายให้แก่รัฐบาลเมียนมาร์ เนื่องจากไม่สามารถเริ่มดำเนินงานได้ตามกำหนดในสัญญา

ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูลโดยละเอียดและใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมกับซักถามผู้บริหารบริษัทถึงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนในการประกอบการตัดสินใจด้วย

อนึ่ง รายการดังกล่าวข้างต้นต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย