นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า กรณีที่ธนาคารกลางของจีนประกาศลดค่าเงินหยวน ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าแม่พิมพ์ ที่นำเข้าจากประเทศจีนปรับตัวลดลง และแนวโน้มรายได้ในรูปของเงินดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในรูปของเงินดอลลาร์ โดยล่าสุดค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์อ่อนค่ามาอยู่ที่ระดับ 35.70 บาท/ดอลลาร์ (ในเดือนสิงหาคม) เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/58 เงินบาทอยู่ที่ 32.70 บาท/ดอลลาร์
“แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 20%จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,858 ล้านบาท และคาดว่ามาร์จิ้นในปีนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมัน และค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ 35 บาท/ดอลลาร์”นายสมพลกล่าวล่าสุดในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้รับงาน OEM ยุโรป สำหรับชุดแต่ง Toyota, Lexus มูลค่า 40 ล้านบาท และรับงานจากอิตาลีค่าย Fiat มูลค่า 60 ล้านบาท" นายสมพลกล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 70-80% เมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรกใช้กำลังการผลิตเพียง 50-60% ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายคงที่ให้ลดลง 12% และผลักดันให้อัตรากำไรสูงขึ้น หลังWarehouse สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และโรงชุบ Line A ซ่อมเสร็จในปลายไตรมาส 2 ทำให้สามารถเดินการผลิตได้เต็มที่
โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) เป็นการรับผลิตงาน OEM อยู่ที่ 600 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ภายใน 2 ปี“แม้อุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้จะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ แต่ในแง่ของการเติบโตของบริษัทไม่ได้ชะลอตาม เนื่องจากบริษัทเน้นการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มค่อนข้างมาก ซึ่งจะทำให้มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ดีกว่าการรับจ้างผลิต (OEM) อีกทั้ง ยังมีการผลิตโมเดลใหม่ที่ให้มาร์จิ้นสูง โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากชิ้นส่วนอะไหล่ทดแทน 75- 80% และการผลิตที่เป็นสินค้าตกแต่งโมเดลใหม่ๆ ประมาณ 20-25% ซึ่งในส่วนของสินค้าตกแต่งการผลิตสินค้าตกแต่ง OEM และNew Model ของREM จะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 40% ขึ้นไป” นายสมพลกล่าว
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มอีกปีละ 5 สาขาภายใน 5 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรร่วมทุนต่างประเทศ โดยสนใจประเทศตุรกี อินเดีย อเมริกา จีน และเม็กซิโก เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และกระจายความเสี่ยงการลงทุน สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นในอนาคต ซึ่งล่าสุดมีพันธมิตร 2-3 รายสนใจติดต่อเข้ามา อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องของรูปแบบการลงทุน ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 มีรายได้รวม 915.57 ล้านบาท กำไรสุทธิ91.52 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ร่วมกับบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ (ECF) เซ็น MOU ร่วมกับอีก 3 พันธมิตร เดินหน้าธุรกิจพลังงานไฟฟ้าชีวมวล ตั้งเป้ายื่นประมูล PPA กำลังการผลิตสูงสุด 120 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2558 ( 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2558) ในอัตรา 0.04 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายในวันที่ 10 กันยายน2558
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit