สศท.2 เผยผลติดตาม 1ตำบล1ล้าน จ.ตาก ขุดลอกคูคลอง สร้างประโยชน์ชุมชน 370 ครัวเรือน

01 Sep 2015
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 ลงพื้นที่ติดตามประเมินผลโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตร แก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง เผย โครงการสุดเจ๋ง ขุดลอกคูคลองช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งด้านการเกษตรได้จริง และยังสามารถบรรเทาปัญหาด้านการอุปโภคบริโภคของชุมชุนได้ประโยชน์กว่า 370 ครัวเรือน

นายชวพฤฒ อินทรเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก (สศท.2) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ติดตามประเมินผลโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตร แก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง (1 ตำบล 1 ล้านบาท) ในโครงการขุดลอกคลองประดางกั้นฝายกระสอบทรายวางกล่องลวดตาข่าย ตำบลนาโบสถ์ อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า

โครงการที่เกิดขึ้นมีความสอดคล้องกับสภาพความเดือดร้อนของท้องถิ่น สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำได้ตรงตามความต้องการของชุมชน ทั้งด้านการปลูกพืชไร่ เช่น อ้อยโรงงาน มันสำปะหลังโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พืชสวน เช่น ลำไย มะม่วง ขนุน มะนาว และการเลี้ยงโคเนื้อ แล้วยังได้ใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชากรในชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้โครงการยังมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชน ช่วยให้มีน้ำเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ อีกทั้งยังคาดว่าจะได้มีแหล่งหาอาหารปลอดภัยเพื่อบริโภค เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เห็ด รวมทั้งพืชผักอื่นๆ ที่เกิดจากธรรมชาติ เป็นต้น

นอกจากนี้ จากผลการประเมินพบว่า มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว รวม 370 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตร จำนวน 1,500 ไร่ คนในชุมชนมีความพึงพอใจในระดับมากและมากที่สุดทุกครัวเรือน เพราะช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องน้ำได้ตรงตามความต้องการของชุมชน ส่วนเสียงตอบรับจากเกษตรกรต่อการเข้าร่วมเป็นแรงงานในโครงการฯ พบว่า มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุดเช่นกัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นการสร้างรายได้เพื่อนำไปจุนเจือครอบครัวในช่วงว่างจากงานประจำ สร้างการมีส่วนร่วมในงานพัฒนาแบบบูรณาการระหว่างชุมชนกับหน่วยงานภาครัฐ ปลุกจิตสำนึกถึงความเป็นเจ้าของโครงการฯ ร่วมกัน เกิดความรักใคร่สามัคคี ปรองดอง อีกทั้งยังช่วยกันดูและรักษาโครงการฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น ต่อไป

ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้นำหมู่บ้านและเกษตรกรยังพบว่า มีพึงพอใจในระดับมากมากที่สุดต่อโครงการฯ และเสนอข้อคิดเห็นว่าต้องการให้มีโครงการขยายไปในชุมชนอื่นๆ โดยการบูรณาการกับหน่วยงานในระดับท้องถิ่น อย่างต่อเนื่องและทั่วถึง นายชวพฤฒ กล่าว