นางกรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ พีแอนด์จี ประเทศไทย กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นที่เด่นชัดของพีแอนด์จีที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้น ทางบริษัทฯและมูลนิธิพีแอนด์จีประเทศไทยเพื่อสังคมได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นภัยจากน้ำท่วม หรือภัยแล้ง โดยล่าสุดพีแอนด์จีร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และพันธมิตรทางธุรกิจในพื้นที่ 5 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ดำเนินโครงการ “รวมพลังน้ำใจไทย” นำสินค้าอุปโภคที่จำเป็นในเครือของพีแอนด์จีมาจัดจำหน่ายในราคาประหยัด อาทิ แชมพูแพนทีน, รีจอยส์, เฮดแอนด์โชว์เดอร์, สบู่เซฟการ์ด แปรงสีฟันออรัล บี, น้ำยาปรับผ้านุ่มดาวน์นี่, ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวโอเลย์, ผลิตภัณฑ์โกนหนวดยิลเลต์ เป็นต้น โดยประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าราคาประหยัดได้ที่ ร้านเกียรติสิน โฮลเซลล์ จ.ขอนแก่น, ร้านอัมพร จ.อยุธยา, ร้านไชยแสงดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จ.สิงห์บุรี, ร้านคลังพลาซ่า จ.นครราชสีมา, ร้านชัยพงษ์พลาซ่า จ.พิจิตร ได้แล้วตั้’แต่วันนี้ (จนกว่าสินค้าจะหมด)นอกจากนี้ยังมอบถุงผลิตภัณฑ์เครือพีแอนด์จีมูลค่า 500,000 บาท ผ่านกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ 5 จังหวัดอีกด้วย
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง พีแอนด์จีว่า “ต้องขอบคุณพีแอนดจี ที่ได้ริเริ่มจัดกิจกรรมเพื่อสังคมในลักษณะนี้ขึ้น เพราะนี่ก็เป็นนโยบายรัฐบาลอย่างหนึ่งที่ต้องการจะช่วยพี่น้องประชาชนในการลดภาระค่าครองชีพลง พีแอนด์จีได้รับกำลังสนับสนุนจากห้างค้าปลีกซึ่งเป็นห้างของคนไทย และเป็นหลักเป็นฐานอยู่ในจังหวัดสำคัญๆ หลายๆ แหล่ง โดยเฉพาะจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งหรือน้ำท่วม ทั้งหมดรวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการที่จะจำหน่ายสินค้าในราคาประหยัด
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ตามแนวนโยบายรัฐบาล ซึ่งทุกๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างนี้ เชื่อได้ว่าเป็นสังคมไทยที่น่าอยู่ เพราะเรามีน้ำใจให้แก่กัน”
นอกจากวางจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดในห้างร้านที่เข้าร่วมโครงการ 5 จังหวัดนี้แล้ว พีแอนด์จี ยังได้ให้การสนับสนุนโครงการจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพเกษตรกรและประชาชน โดยกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในการวางจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันในราคาประหยัด ผ่านร้านค้าของ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส จำนวน 35 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2558 ถึง 31 มกราคม 2559 อีกด้วย