กองทุน TRUEIF เปลี่ยนชื่อกองทุนเป็น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ “DIF”

31 Aug 2015
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (TRUE Telecommunications Growth Infrastructure Fund) หรือ TRUEIF ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้แก้ไขเปลี่ยนชื่อกองทุนเป็น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (Digital Telecommunications Infrastructure Fund) ภายใต้ชื่อย่อกองทุน DIF โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา

นายสมิทธ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนชื่อกองทุนเป็น DIF มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชื่อของกองทุนได้สะท้อนให้ผู้ลงทุนเห็นถึงกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตของรายได้ให้กับกองทุนจากการหาผู้เช่าทรัพย์สินรายอื่นเพื่อมาเช่าทรัพย์สินที่กองทุนเป็นเจ้าของอยู่ในขณะนี้ที่นอกเหนือจากกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เช่ารายแรกเมื่อเริ่มก่อตั้งกองทุน รวมทั้งกองทุน DIF ยังมีแผนการลงทุนในอนาคตด้วยการซื้อทรัพย์สินโทรคมนาคมจากเจ้าของทรัพย์สินรายอื่นนอกเหนือจากกลุ่มทรูด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ การวางกลยุทธ์ของกองทุน DIF ในการหาผู้เช่าทรัพย์สินร่วม ยังถือเป็นการตอบรับกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลซึ่งมีเป้าหมายแรกคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่และเพียงพอต่อการใช้งาน อีกทั้งยังสนับสนุนให้มีการใช้งานร่วมกันโดยเฉพาะเครือข่ายใยแก้วนำแสงและเสาโทรคมนาคมเพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อน

นายสมิทธ์กล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า เป้าหมายหลักของบริษัทฯ ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุน คือการมุ่งเน้นในการสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน โดยการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (Net Asset Value) ต่อหน่วยของกองทุน รวมถึงโอกาสในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ สำหรับในระยะยาวแล้วกองทุนยังแสวงหาโอกาสเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการโทรคมนาคมรายต่างๆ ซึ่งมีมูลค่าในเชิงกลยุทธ์สำหรับการใช้ทรัพย์สินโทรคมนาคมร่วมกันได้ และจะเป็นการเปิดกว้างให้ผู้เช่าและเจ้าของทรัพย์สินรายอื่นให้เข้ามาลงทุนในกองทุนอีกด้วย

ทั้งนี้นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 กองทุนได้มีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนไปแล้วคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.4099 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 อยู่ที่ 71,934.012 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.3853 บาทต่อหน่วย นับเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม