ผมเป็นคนแอ็คทีฟมาตั้งแต่เด็ก เล่นทั้งฟุตบอล ทั้งวิ่ง ทั้งศิลปะการต่อสู้ แรงบันดาลใจมันได้มาจากการ์ตูนญี่ปุ่นและพวกซุปเปอร์ฮีโร่อย่างเช่นสไปเดอร์แมนเหมือนเด็กคนอื่นๆ ผมเป็นคนขี้อายและชอบเก็บตัว กีฬาจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง
อยู่มาวันหนึ่งตอนอายุ 17 สเตฟานพี่ชายผมได้มีโอกาสไปรู้จักกับเดวิด เบลล์ ผู้ค้นพบพาร์คอร์ ตอนนั้นบ้านเราอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดพาร์คอร์เพียง 10 นาทีในเมืองชื่อ Lisses สเตฟานเริ่มเทรนกับเดวิดอย่างหนัก และหลังจากนั้นไม่นานโยฮานน์พี่ชายอีกคนก็เริ่มเทรนกับสเตฟานพร้อมๆ กับอีกหลายคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเดียวกัน พวกเขาเรียกตัวเองในภาษาฝรั่งเศสว่า Les Traceurs เหมือนในภาพยนตร์เรื่อง The Tracers เราใช้คำนั้นแทนตัวพวกเรา และในปัจจุบันคำนั้นก็ได้กลายมาเป็นชื่อเรียกคนที่เล่นพาร์คอร์
พาร์คอร์เริ่มกลายเป็นความติด พี่ชายทั้งสองคนเรียกว่าว่างเมื่อไหร่เป็นฝึก คำว่าพาร์คอร์อยู่ในทุกเรื่องที่เราคุย พวกเขาเอาวีดีโอของเดวิดมาเปิดให้ผมดู และในที่สุดผมก็ตามไปดูพวกเขาฝึกเพื่อให้เห็นกับตาตัวเอง ตอนนั้นผมอายุได้ 15
ความประทับใจที่มีให้กับพาร์คอร์คือมันมีคนไม่กี่คนที่ทำได้ มันไม่มีที่ว่างสำหรับคนขี้เกียจหรือคนดัดจริต คนที่ทำได้คือนักสู้ที่มีความพร้อมเพื่อรับการท้าทายในด้านร่างกายและจิตใจ
ตอนนั้นเรื่องราวของพาร์คอร์ยังหาไม่ได้บนอินเตอร์เน็ต มันยังไม่เป็นกระแส และเอามายึดเป็นอาชีพไม่ได้ มันเป็นบททดสอบส่วนบุคคลเพื่อการก้าวข้ามขีดจำกัด เพื่อเผชิญและรับมือกับความกลัว เพื่อมองให้บรรลุถึงเป้าหมายและสัมผัสกับความรู้สึกที่เป็นอิสระ
นิยามของพาร์คอร์คือ “เพื่อความแข็งแรงและเพื่อทำให้เกิดประโยชน์” ผมเริ่มตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่าแข็งแรงก็เมื่อตอนที่ได้สังเกตุการณ์นักกีฬาพาร์คอร์รุ่นแรกกับรุ่นที่สอง การฝึกนั้นจะเป็นการปรับสภาวะ 70 เปอร์เซ็นต์ และอีก 30 เปอร์เซ็นต์คือการเคลื่อนไหว เพราะเราต้องเตรียมพร้อมร่างกายตัวเองก่อนถึงจะเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้า
ผมเห็นถึงนักสู้ตัวจริง ผมเห็นคนที่ไม่ยอมแพ้แม้ว่าบททดสอบนั้นจะยากเพียงใด ผมนับถือสปิริตของพวกเขา ที่อยากจะแข็งแรง ที่อยากไปให้ถึงเส้นชัย และที่แสดงให้เห็นถึงวินัย ความมุ่งมั่น และความหลงใหล ผมเด็กกว่าคนอื่น 3-5 ปี และมันไม่ง่ายที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม อย่างไรก็ตามผมตามสังเกตุดูพวกเขาให้มากที่สุดและเริ่มนำมาฝึกกับตัวเอง
ผมตกหลุมรักพาร์คอร์อย่างรวดเร็วและฝึกฝนอยู่ตลอด ผมค้นพบว่ามันเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผมเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง เพื่อแสดงถึงประสิทธิภาพในตัวอย่างไร้พรมแดน เพราะพาร์คอร์นั้นคือกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาตัวเองโดยไม่เกี่ยวกับคนอื่น ผมอยากแข็งแรงเพื่อเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่แค่การแสดงออกแต่เป็นเรื่องของสปิริต
· ใช้เวลานานแค่ไหนในการพัฒนาทักษะการเล่นพาร์คอร์
ผมเริ่มเมื่อตอนอายุ 15 ตอนนี้ 29 แล้ว และไม่เคยหยุด แต่มันขึ้นๆ ลงๆ เพราะผมต้องเรียน และไหนจะเรื่องงาน พี่ชายทั้งสองคนเป็นแรงบันดาลใจและครูที่ดีที่สุด สเตฟานก่อตั้ง Parkour Generations ซึ่งเป็นสถาบันสอนพาร์คอร์ขึ้นที่ประเทศอังกฤษเมื่อ 9 ปีที่แล้ว
7 ปีก่อนผมตัดสินใจลาออกจากงานในประเทศฝรั่งเศสและย้ายไปอยู่ที่อังกฤษเพื่อเทรนกับพี่ๆ และทีมที่นั่น ผมใช้เวลา 2 ปีจนผ่านระดับแรก ADAPT ซึ่งเป็นประกาศนียบัตรใบแรกของพาร์คอร์ซึ่งรับรองโดยรัฐบาลอังกฤษ
การสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายดูเป็นเรื่องจำเป็นเมื่อเราโตขึ้น ส่วนต่างๆ มันมีแต่ทรุดโทรมลง การฝึกของผมเน้นไปถึงการข้ามขีดจำกัดของตัวเองในช่วง 12 ปีแรก ตอนนี้ผมโฟกัสถึงความลื่นไหล ท่าทาง และการแชร์ให้กับคนอื่น ผมเริ่มโค้ชและหันมาแชร์ประสบการณ์ให้กับคนที่สนใจเพื่อให้กีฬานี้เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น
· อะไรที่พาคุณมาที่กรุงเทพฯ
หลังกลับจากลอนดอนผมอยู่ในฝรั่งเศสต่อประมาณ 2-3 ปี ผมเปลี่ยนงานไปเรื่อยก่อนจะถึงจุดที่รู้ว่าผมไม่สามารถทำงานในสายการเงินได้อีกต่อไป ผมใช้เวลาในการเรียบเรียงเรื่องต่างๆ และคิดถึงสิ่งที่อยากทำ สองสิ่งที่แว่บขึ้นมาคือประเทศไทยและพาร์คอร์
ผมนึกถึงเมืองไทยเพราะเคยมาเที่ยวที่นี่กับครอบครัวตอนอายุ 14 ผมตกหลุมรักประเทศนี้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัฒนธรรม อากาศ ธรรมชาติ ไลฟ์สไตล์ ฯลฯ ผมนึกถึงพาร์คอร์เพราะคิดว่ามันเป็นมากกว่ากีฬา มันคือความหลงใหล ผมต้องคว้าโอกาสในการอยู่กับสิ่งที่ผมรัก มันไม่ง่ายที่ต้องทิ้งทุกสิ่งที่เรียนมาและหยุดเดินตามกรอบของสังคม มันเป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและอุปสรรค แต่นี่คือสิ่งที่พาร์คอร์สอนผมมาตลอด 12 ปี เพื่อท้าทายตนเอง และเพื่อเอาชนะอุปสรรค
สเตฟานเปิด Parkour Generations Asia ขึ้นในกรุงเทพฯ ในปี 2011 และโยฮานน์เข้ามาร่วมด้วยในปีเดียวกัน ความคิดที่จะเข้ามาก่อตั้งศูนย์พาร์คอร์กับโยฮานน์นั้นยากกว่าที่คาด ผมกลายไปเป็นโค้ชให้กับ Parkour Generations Asia และได้กลายเป็น CEO ก่อนที่จะได้มีโอกาสเปิดบริษัทของตัวเองในชื่อ Asia Parkour
· คุณคิดว่าพาร์คอร์ส่งผลด้านใดกับร่างกายมนุษย์
มันมีประโยชน์ในสองด้าน ร่างกายและจิตใจ
ทางด้านร่างกาย
พาร์คอร์น่าจะเป็นทางเลือกฟิตเนสที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อการใช้ชีวิตอย่างแอ็คทีฟ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติและการฝึกระเบียบร่างกายโดยไม่ต้องการเครื่องมือใดๆ ร่างกายเราถูกออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้ มันเป็นกีฬาที่ครบเครื่อง และยังรวมเอารูปแบบการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติที่แตกต่างกัน เช่น การกระโดด การปีน การตีลังกา การวิ่ง และการทรงตัว
ทางด้านจิตใจ
การเล่นพาร์คอร์คุณต้องเผชิญกับอุปสรรคหรือสถานการณ์ต่างๆ เรียนรู้พื้นที่ ความเสี่ยง และหาทางเอาชนะมัน มันช่วยเพิ่มสมาธิและความมั่นใจจากการที่เราสามารถเอาชนะอุปสรรคและจัดการกับความกลัวได้อยู่เรื่อยๆ มันช่วยเผยให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ซ่อนอยู่ในตัว
พาร์คอร์นั้นต้องการการทำงานร่วมกันของทั้งร่างกายและจิตใจ เดวิดเปรียบเทียบร่างกายคนเราว่าคือม้า และจิตใจคือผู้ขี่ มันต้องฟังกันและกันไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ความวิเศษของมันจะเกิดขึ้นเมื่อคุณสามารถนำประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกมาปรับใช้ในทุกๆ วัน
· พาร์คอร์นั้นเรียกว่ากระแสแรงทีเดียวในโลกบันเทิง คุณคิดอย่างไรถึงคนที่นำพาร์คอร์ไปใช้เพื่อประโยชน์ด้านบันเทิงเพียงแง่เดียว
ผมเข้าใจดีว่าพาร์คอร์มันสามารถถูกใช้เป็นเรื่องของความบันเทิง มันสามารถเป็นเครื่องมือด้านการตลาด มันยังเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ในการใช้ชีวิตอยู่กับมัน สำหรับเรื่องที่ไม่เห็นด้วยจะเป็นกลุ่มคนที่นำพาร์คอร์ไปใช้สร้างภาพร่วมกับแบรนด์ที่ไม่ได้สนับสนุนด้านสุขภาพ ส่วนตัวผมเห็นว่าคนที่เล่นพาร์คอร์ส่วนมากจะมีอายุน้อยเกินกว่าจะเข้าใจถึงผลจากการกระทำซึ่งมันอาจจะไปมีผลกับมุมมองที่มีต่อกีฬานี้ แก่นของการฝึกฝนควรมาจากความบริสุทธิ์ และด้วยพื้นฐานเรื่องสุขภาพ ด้วยโจทย์ในการพัฒนาตนเอง
ตัวอย่างเช่น การที่กระทิงแดงซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าที่ไม่ดีต่อสุขภาพกลายมาเป็นสปอนเซอร์ของกีฬาพาร์คอร์ในภาพรวมขนาดใหญ่ มันทำลายใจความสำคัญที่แท้จริง มันแค่ทำประโยชน์ทางด้านธุรกิจให้กับบุคคลบางกลุ่ม ไม่ช้าไม่นานพวกเขาจะค้นพบกีฬาตัวใหม่ที่สามารถทำประโยชน์ได้มากกว่าพาร์คอร์ พวกเขาจะทิ้งพาร์คอร์ไว้กับรอยแผลในด้านภาพลักษณ์ในแง่ของความบริสุทธิ์
· มีคำแนะนำอะไรบ้างสำหรับผู้ที่สนใจอยากทดลองเล่นพาร์คอร์เป็นครั้งแรก
· ข้อแรกคืออย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องของวัยรุ่น จากที่เห็นตามยูทู๊บมันไม่ใช่ใจความสำคัญที่แท้จริงของพาร์คอร์ สิ่งที่เห็นเป็นแค่ผลลัพธ์จากการฝึกแรมเดือนแรมปี ไม่ได้เห็นถึงข้างหลังฉาก คุณจะเห็นแต่ความน่าหวาดเสียวและอันตรายและความไร้ซึ่งการรับผิดชอบในวิธีขั้นตอนการฝึก
· การพลาดครั้งใหญ่ที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้คือเมื่อคุณเอาตัวเองไปเปรียบกับคนอื่น ทุกคนมีข้อแตกต่าง มีความกล้ากลัว ความมั่นใจ และความยืดหยุ่นของร่างกายที่ไม่เหมือนกัน คู่แข่งคือตัวเราแต่เพียงผู้เดียว
· ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเริ่มฝึก ร่ายการของเราถูกออกแบบมาให้เคลื่อนไหวตามพื้นฐานพาร์คอร์ เช่นการกระโดด การปีนป่าย เราสบประมาทความสามารถของร่างกายของเราอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นพาร์คอร์นั้นมันสำหรับทุกคน เพียงแค่ระดับการฝึกฝนเท่านั้นที่จะต่างกัน
· ถ้าคุณกลัวที่จะเริ่มหรือไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน ให้หาผู้ที่มีประสบการณ์เป็นผู้สอน พวกเขาจะสามารถสอนเทคนิค สามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจ ช่วยแสดงให้เห็นถึงวิธีการฝึกที่ปลอดภัย
· เรื่องราวแห่งความสำเร็จที่ใหญ่ที่สุดที่ผ่านมา
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดผมว่าคือการได้มาที่เมืองไทย มันเป็นสถานที่แห่งความฝัน ได้อยู่กับสิ่งที่ชอบ ได้แบ่งปัน และได้เป็นนายของตัวเอง ผมดีใจที่ได้เริ่มต้นฝึกพาร์คอร์ตั้งแต่เล็กๆ และมีความสุขที่ได้นำมันข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อช่วยเผยแพร่ประโยชน์ที่แท้จริงของมันให้กับผู้คน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit