มร.จอห์น ไทเลอร์ กรรมการผู้จัดการ สถาบันสอนภาษา Inlingua (อินลิงกัว) ผู้นำตลาดสถาบันสอนภาษานานาชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาษาอังกฤษถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่การเปิดประเทศ AEC จึงทำให้ต้องตื่นตัวในเรื่องของการพัฒนาภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เนื่องด้วยประเทศไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ AEC ทั้งด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ และความอุดมสมบูรณ์ในด้านสินค้าการเกษตรต่างๆ จึงทำให้ประเทศไทยต้องมีการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนบ้านเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากเปิด AEC ซึ่งทางด้านภาษายังเป็นจุดอ่อนของคนไทยอยู่มากพอสมควร
อินลิงกัว เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเรียนภาษา เพื่อพัฒนาศักยภาพของคนไทย จึงทำให้เกิดหลักสูตร "Inlingua DOTS" เป็นหลักสูตรที่ใช้สอนเด็กอายุ 1 ขวบ ผสมผสานการเรียนรู้ภาษาเข้ากับการพัฒนาทักษะด้านต่างๆของเด็กในวัย 1 ขวบ ช่วยให้เกิดการพัฒนาตั้งแต่เด็ก ซึ่งจะส่งผลถึงในอนาคตเมื่อเด็กเติบโตขึ้นและได้รับการเรียนรู้หลักสูตรภาษาอย่างต่อเนื่องครบถ้วน จะช่วยให้ประเทศไทย มีประชากรที่มีประสิทธิภาพ เป็นกำลังหนุนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งสร้างการพัฒนา เรียนรู้ภาษาให้กับคนรุ่นปัจจุบันควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคม AEC ได้อย่างเต็มกำลัง
Inlingua (อินลิงกัว) มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศไทย โดยเปิดสอนกว่า 400 สาขา ใน 44 ประเทศทั่วโลก นอกจากการจัดอบรมภาษาอังกฤษแล้ว อินลิงกัว ยังเปิดหลักสูตรภาษาต่างประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาษาจีนกลาง ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส เป็นต้น ตลอดจนการเปิดสอนหลักสูตรภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ ทั้งในและนอกสถานที่ ทางสถาบันยังมีทีมเจ้าหน้าที่บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับหลักสูตรต่างๆ ของสถาบันฯ เพื่อจัดหลักสูตรให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยครั้งแรกที่อินลิงกัวเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย จะเป็นสถาบันสอนภาษาที่คนทั่วไปจะรู้จักกันดี ในเรื่องของการสอนสำหรับธุรกิจ และการสอนภาษาแบบตัวต่อตัวที่มีประสิทธิภาพ
ต่อมา ความต้องการเรียนภาษาเพิ่มมากขึ้น และกลุ่มเป้าหมายก็เพิ่มขึ้น จากกลุ่มนักธุรกิจไปสู่กลุ่มเด็ก นักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร อาทิ กสิกรไทย, กรุงไทย, กรุงศรีฯ, ยูโอบี, เกียรตินาคิน และกลุ่มโรงพยาบาล กรุงเทพ, สมิตเวช กลุ่มภาครัฐ อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย, อย., ททท. กสทช., กฟน., CAT, TCEB, AOT และภาคเอกชน อาทิ PTT, Tesco, CHANEL, PRADA, CMG, CPF, KFC, Unilever, L'OREAL, ฯลฯ จึงทำให้ อินลิงกัว จึงได้ตั้งแผนก Corporate Training Department ในการพัฒนาหลักสูตร และพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มขึ้น
สิ่งที่เรียกว่าเป็นจุดแข็งของ อินลิงกัว คือ การเรียนการสอนของอินลิงกัว ที่มีวิธีการเฉพาะของ อินลิงกัว โดยจะเน้นไปที่ การเรียนรู้ที่ รวดเร็ว และเห็นผลจริงได้จริง ซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มของผู้เรียน โดยมีเสียงตอบรับกลับมาในทางที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งจะสามารถเห็นได้จากผลงานของเด็กนักเรียนของสถาบันฯ ที่ได้ไปโชว์ศักยภาพทางด้านภาษาทั้งในรายการโทรทัศน์ และกิจกรรมอีกมากมาย โดยหลักสูตรของอินลิงกัว จะเน้นไปที่ คุณครูผู้สอนที่เป็นเจ้าของภาษาจริงๆ ไม่มีการแปลเป็นภาษาไทย ลดการอธิบายหลักไวยากรณ์ให้น้อยลง และเน้นให้นักเรียนได้มีกิจกรรมและเวลาสนทนาเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่งผู้เรียนจะสามารถพัฒนา การวางโครงสร้างประโยคขึ้นใหม่ และ เรียนรู้คำศัพท์ ได้จากบริบทรอบๆตัว การสาธิตในห้องเรียน และจากการฝึกหัด
มร.จอห์น ไทเลอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในตลาดสถาบันสอนภาษานั้น มีแนวทางการตลาดที่แตกต่างกันไป ในแต่ละช่วงเวลา หนึ่งในวิธีการตลาดนั้น เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ หรือการเรียนการสอนแบบวีดีโอ ซึ่ง อินลิงกัว ก็ได้จัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนแบบออนไลน์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้เรียนอีกทางหนึ่ง แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของ อินลิงกัว พบว่า ผู้เรียนคนไทยจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากเรียนกับคุณครูผู้สอนตัวแบบสอนสด ในห้องเรียนส่วนตัว ซึ่งส่วนมากคนไทยชอบความสนุกสนาน เล่นเกม ถามคำถาม สนทนา มากกว่าการนั่งเรียนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยส่วนมากนักเรียนที่เลือกจะมาเรียนกับทาง อินลิงกัว ล้วนแล้วแต่มาจากการบอกต่อ หรือ "ปากต่อปาก" ซึ่งได้รับการแนะนำมาจากเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน ซึ่ง อินลิงกัว จะเน้นไปที่การสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียนแต่ละคน ว่าจะได้รับประสบการณ์การเรียนภาษาที่ดีที่สุด เมื่อเลือกที่จะมาเรียนกับ อินลิงกัว พร้อมทั้งการบริการลูกค้าที่เยี่ยมยอด การดูแลเอาใจใส่ ความสะดวกสบายภายในสถาบันฯ และคุณภาพของการสอน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit