ทรูมูฟ เอช ผู้ให้บริการ 4G รายแรกและผู้ให้บริการ 3G ที่ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดในไทย ประกาศความร่วมมือกับ แจสเปอร์ ผู้นำด้านแพลตฟอร์ม IoT (Internet of Things) ระดับโลก เพื่อยกระดับและเพิ่มศักยภาพองค์กรธุรกิจทั่วประเทศไทย ในการริเริ่มบริการบริหารจัดการ รวมทั้งสร้างรายได้จากเทคโนโลยีInternet of Things หรือ IoT ให้แก่องค์กรธุรกิจที่นำมาประยุกต์ใช้งาน โดย IoT เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้สิ่งต่างๆ รอบตัว สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้เอง และทำให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มความพึงพอใจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้อย่างมาก ความร่วมมือนี้เป็นการผนวกสุดยอดเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทรูมูฟ เอช เข้ากับ IoT Control Center แพลตฟอร์มของแจสเปอร์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้องค์กรธุรกิจทั่วไทยในการพัฒนาบริการใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยี IoT และมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับลูกค้าองค์กรอีกด้วย
Control Center แพลตฟอร์มช่วยให้ทรูมูฟ เอช สามารถนำเสนอโซลูชั่นสำเร็จรูปที่ลูกค้าองค์กรในทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรม นำไปใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยานยนต์, ระบบการบริหารจัดการยานพาหนะ, ระบบเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทซิตี้ และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่ง Control Center แพลตฟอร์มนี้สามารถกำหนดค่าการใช้งานได้อย่างง่ายดายและแตกต่างกันตามความต้องการใช้งานเฉพาะของแต่ละรูปแบบธุรกิจ ทั้งยังเอื้อให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้โดยอัตโนมัติ ตลอดจนเพิ่มความชาญฉลาดในการบริหารจัดการในระดับสากล ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเชื่อมโยงให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จ
นายทรงธรรม เพียรพัฒนาวิทย์ ผู้อำนวยการบริหาร ด้านลูกค้าองค์กรธุรกิจและบริการระหว่างประเทศ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "บริการของทรูนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจและส่งมอบบริการใหม่โดยอาศัยเทคโนโลยี IoT ให้แก่ลูกค้าองค์กรในไทย ขณะที่แจสเปอร์ เป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์ม IoT ระดับโลกที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมสามารถใช้บริการต่างๆ บนเทคโนโลยี IoT ได้ ทรูจึงมั่นใจที่จะนำโซลูชั่นทรงประสิทธิภาพนี้มาให้บริการลูกค้าองค์กรธุรกิจของเรา"การเปลี่ยนโฉมธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี IoT
บริการที่เกิดจากเทคโนโลยี IoT สามารถสร้างโอกาสในการเปลี่ยนโฉมธุรกิจให้องค์กรทุกขนาดในทุกอุตสาหกรรมด้วยการมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า สร้างความสัมพันธ์และสื่อสารเชื่อมโยงถึงลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และทำให้องค์กรมีฐานลูกค้าเติบโตมากขึ้นในที่สุด โดยอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากเทคโนโลยีIoT ได้แก่
รถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หรือ Connected Car เป็นระบบที่ช่วยให้รถยนต์สามารถรับส่งข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์กับอินเทอร์เน็ตได้ อาทิ ข้อมูลสภาพการจราจร สภาพอากาศ การใช้สื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น การที่ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกจำนวนมากมีฐานการผลิตใน ประเทศไทย[1] ทำให้ในเชิงกลยุทธ์ ประเทศไทยกลายเป็นตลาดอันดับแรกๆ ของโครงการ Connected Car สำหรับผู้ผลิตรถยนต์เหล่านี้ แจสเปอร์มีประสบการณ์ยาวนานในตลาด Connected Car โดยผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก 13 รายเลือกใช้แจสเปอร์ในการสร้างสรรค์ระบบดังกล่าว ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศไทยทุกรายได้ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของแจสเปอร์ผ่านเครือข่ายทรูมูฟ เอช
ระบบการบริหารจัดการยานพาหนะ หรือ Fleet Management บริษัทต่างๆ ในประเทศไทยสามารถใช้เทคโนโลยี IoT มาช่วยให้ในการตรวจสอบและบริหารจัดการยานพาหนะได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งหรือโลจิสติก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการให้บริการ อาทิ การตรวจสอบตำแหน่งรถขนส่ง อัตราการใช้เชื้อเพลิงของรถแต่ละคัน พฤติกรรมการขับรถของคนขับแต่ละคน เป็นต้น ซึ่ง Control Center จะเพิ่มความทันสมัยให้กับการบริหารจัดการระบบยานพาหนะด้วยระบบอัจฉริยะแบบเรียลไทม์และอัตโนมัติ
ระบบเมืองอัจฉริยะหรือ Smart Cities เมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นอย่างกรุงเทพมหานครสามารถนำเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะมาปรับใช้ได้อย่างรวดเร็ว อาทิ สมาร์ทมิเตอร์ ที่ช่วยให้มิเตอร์ต่างๆ สามารถส่งค่าที่อ่านได้แบบอัตโนมัติเข้าไปยังระบบไฟฟ้าหรือประปาได้ทันที ระบบขนส่งอัจฉริยะที่มีการเชื่อมต่อข้อมูลที่เกี่ยวข้องถึงกัน เพื่อนำมาใช้จัดการจราจรและขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงระบบอื่นๆ การผสมผสานของบริการบนเครือข่ายคุณภาพของทรูมูฟ เอช และแพลตฟอร์มของแจสเปอร์จะช่วยให้สามารถนำบริการสมาร์ทซิตี้มาปรับใช้ได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่าการเพิ่มศักยภาพเพื่อก้าวสู่ระดับสากล
Control Center ของแจสเปอร์ เป็น IoT แพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างดี โดยไม่เพียงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการนำเสนอบริการด้วยเทคโนโลยี IoT รูปแบบใหม่ๆ ในประเทศไทย แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในระดับสากลได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ แจสเปอร์ยังมีความร่วมมือกับกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำ 26 ราย ที่มีเครือข่ายบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมกว่า 100 เครือข่ายทั่วโลก ทำให้องค์กรในประเทศไทยที่มีเป้าหมายในการขยายบริการ IoTออกสู่ต่างประเทศ สามารถขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และตรงความต้องการทางธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยให้องค์กรธุรกิจในต่างประเทศขยายธุรกิจ IoT เข้ามาในประเทศไทยได้ง่ายขึ้นด้วย
นายเคน ลาเวอร์ซิน รองประธานอาวุโสฝ่ายขาย เวิลด์ไวด์ แจสเปอร์ กล่าวว่า "ตลาด IoT ในประเทศไทยมีศักยภาพและการเติบโตสูง ประกอบกับองค์กรธุรกิจต่างๆ ในภูมิภาคมีความตื่นตัวที่จะนำเทคโนโลยี IoT มาให้บริการ เพื่อเปลี่ยนโฉมธุรกิจและสร้างมูลค่าให้แก่ลูกค้า ความร่วมมือระหว่างทรูมูฟ เอช และ แจสเปอร์ ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจนำเทคโนโลยี IoT มาให้บริการในตลาดอย่างรวดเร็วและคุ้มค่า ทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของธุรกิจ"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit