ทำไมผู้ประกันตนมาตรา 40 ต้องโอนสิทธิกรณีบำนาญชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
หลังจากที่ กอช. เปิดรับสมัครสมาชิกอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมาเพื่อส่งเสริมให้คนที่ไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญได้สร้างหลักประกันหลังเกษียณของตัวเองขึ้นมา โดยจะได้รับเป็นบำนาญรายเดือนตลอดชีวิตเมื่ออายุครบ 60 ปี ซึ่งมีเงื่อนไขว่าสมาชิก กอช. จะต้องจ่ายเงินสะสมไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อเดือน และไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี แต่ไม่จำเป็นต้องฝากเงินสะสมทุกเดือน และไม่จำเป็นต้องฝากเงินจำนวนเท่ากันทุกเดือนด้วย ซึ่งจากการที่มี กอช. เกิดขึ้นมานั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายให้โอนผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3, 4, 5 ในระบบประกันสังคมไปให้ กอช. บริหารแทน เนื่องจากหากร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติและร่างแก้ไขพระราชกฤษฎีกาประกันสังคมมาตรา 40 มีผลบังคับใช้ จะทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ คือทางเลือกที่ 3, 4 และ 5 สิ้นสภาพในทันที
ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3, 4 และ 5 มีทางเลือกในการออมเงินเพื่อเกษียณยังไงบ้าง
สำหรับใครที่เป็นผู้ประกันตนโดยอิสระตามมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3, 4 และ 5 อยู่ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะเรามีทางเลือกค่ะว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายไปยัง กอช. ตามความสมัครใจของเราเอง โดยทางสำนักงานประกันสังคมจะส่งจดหมายเพื่อแจ้งสิทธิที่มีอยู่และจำนวนเงินสะสมไปให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 แต่ละคนได้ทราบ และให้ผู้ประกันตนไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานประกันสังคมทุกแห่งภายใน 180 วันว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายไปยัง กอช. ค่ะ
คราวนี้ลองมาดูการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น หากเราเลือกที่จะโอนย้ายหรือไม่ย้ายไปยัง กอช. กันค่ะ
ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ซึ่งจ่ายเงินสมทบ 200 บาทต่อเดือน โดยจ่ายเอง 100 บาท รัฐสนับสนุน 100 บาทและได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 1 กรณีคือ กรณีชราภาพ (เงินบำนาญ) นั้น
ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 4 ซึ่งจ่ายเงินสมทบ 300 บาทต่อเดือน โดยจ่ายเอง 170 บาท รัฐสนับสนุน 130 บาท และได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 4 กรณีคือ กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิตและชราภาพ (เงินบำนาญ) นั้น
ดังนั้น หากผู้ประกันตนต้องการออมเงินต่อไปเพื่อให้ได้รับเงินบำนาญไว้ใช้หลังเกษียณ ก็แนะนำให้เลือกโอนไป กอช. จะดีกว่าค่ะผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 5 ซึ่งจ่ายเงินสมทบ 350 บาทต่อเดือน โดยจ่ายเอง 200 บาท รัฐสนับสนุน 150 บาท และได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 5 กรณีคือ กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ (เงินบำเหน็จ) และชราภาพ (เงินบำนาญ) นั้น
ดังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกันตนเองว่า หลังเกษียณอยากได้รับเงินบำนาญหรือเงินบำเหน็จไว้ใช้ หากเราต้องการเงินบำนาญหลังเกษียณล่ะก็ แนะนำให้เลือกโอนไป กอช. แต่หากต้องการเงินบำเหน็จหลังเกษียณก็ไม่ต้องโอนไป กอช. แต่ไปอยู่ในทางเลือกที่ 2 แทนค่ะ
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายไปยัง กอช. แล้วจะต้องทำยังไงต่อ มาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 1 และ 2 แม้จะไม่ได้รับผลกระทบหรือต้องตัดสินใจว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายไปยัง กอช. แต่อย่างใด ก็อยากแนะนำให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 1 ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 3 กรณีคือ กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต สมัครเป็นสมาชิก กอช. ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ได้รับเงินบำนาญรายเดือนไปตลอดชีวิตเมื่ออายุครบ 60 ปี ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกที่ 2 ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 4 กรณีคือ กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิตและชราภาพ (เงินบำเหน็จ) จะไม่สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิก กอช. ได้อีกเนื่องจากเมื่ออายุครบ 60 ปีจะได้รับเป็นเงินบำเหน็จชราภาพค่ะ แต่ถ้าอยากสมัครเป็นสมาชิก กอช. เพื่อให้ได้รับเงินบำนาญรายเดือนจะต้องย้ายไปอยู่ทางเลือกที่ 1 ก่อนค่ะถึงจะสมัครได้หวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่บอกไปจะช่วยให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือกต่างๆ ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้นะคะ ทั้งนี้ ควรศึกษารายละเอียดข้อมูลต่างๆ ให้เข้าใจและตรวจสอบสิทธิต่างๆ ที่มีอยู่อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกคอมโบสุดคุ้มให้กับตัวเอง เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ครบถ้วน รวมถึงได้รับเงินบำนาญหรือเงินบำเหน็จไว้ใช้หลังเกษียณตามที่ต้องการค่ะ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit