นับเป็นเวลาเกือบสิบปีที่คนไทยได้มีโอกาสชมความวิจิตรตระการตาของการแสดงระดับชาติที่ได้รับการสืบทอดไว้ ตามพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยฟื้นฟูการแสดง "โขน" ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งนับตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นต้นมา องค์ประกอบต่างๆ ของโขนพระราชทาน ล้วนสร้างความประทับใจและความซาบซึ้งในความงดงามของศิลปะไทย ไม่ว่าจะเป็นฉาก แสง สี เสียง พัสตราภรณ์และเครื่องประดับต่างๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีต ตามจารีตโบราณ รวมถึงผ้ายกที่นักแสดงใช้นุ่งตามบทบาทต่างๆ ที่ได้มีความพยายามในการฟื้นฟูการทอผ้ายกแบบโบราณมาหลายปีโดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จนประสบความสำเร็จ
ในการนี้ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแสดง โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "โขนพระราชทาน" ระบุว่า "การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ในทุกๆปีที่ผ่านมานั้น เราได้รับความร่วมมือจากศูนย์ศิลปาชีพในหลากหลายพื้นที่ในด้านการจัดเตรียมเครื่องแต่งกาย และการจัดทำพัสตราภรณ์ โดยอาศัยฝีมือของชาวบ้านที่เป็นสมาชิก ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระราชเสาวณีย์ ให้ฟื้นฟูการทอผ้ายกแบบราชสำนักของนครศรีธรรมราชในอดีต ที่มีการทอสืบทอดกันมาแต่โบราณ และได้สูญหายไปกว่า ๑๐๐ ปี แต่ยังคงมีต้นแบบให้เห็นอยู่ในพิพิธภัณฑ์ และในพระบรมมหาราชวัง โดยได้มีการพัฒนาฝีมือการทอผ้าสมาชิกของศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง อำเภอเชียรใหญ่ และศูนย์ศิลปาชีพบ้านตรอกแค อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้สามารถทอผ้ายกที่ต้องอาศัยทักษะความชำนาญจากการฝึกฝน และความอดทนสูง จากสมาชิกรวมกว่า ๔๐ ชีวิต ทำให้เราได้ผ้ายกจากฝีมือของชาวบ้านมาใช้ในการแสดงแต่ละปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของมูลนิธิฯ เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านแล้ว ยังนับเป็นการฟื้นฟูและอนุรักษ์ผ้ายกแบบโบราณให้คงอยู่สืบไปอีกด้วย"
ด้าน อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ให้กับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กล่าวว่า "ผ้ายก หมายถึงผ้าไหมที่ทอด้วยเทคนิคการยกลวดลาย ให้ปรากฏเด่นชัดขึ้น โดยผ้ายกของเมืองนครศรีธรรมราชนั้น มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาในฐานะที่เป็นผ้าราชสำนัก ซึ่งทอด้วยเส้นไหมเนื้อละเอียด แทรกลวดลายด้วยไหมเงิน ไหมทองที่บางเบา และทออย่างประณีต โครงสร้างของการวางลวดลาย อันประกอบด้วยท้องผ้าและกรวยเชิง มีลักษณะแบบราชสำนัก ที่ใช้สำหรับเจ้านายชั้นสูงในอดีต เป็นทั้งผ้านุ่งโจงและ นุ่งจีบ รวมทั้งใช้ห่อคัมภีร์ในพุทธศาสนาด้วย"
เนื่องจากกรรมวิธีการทอที่ซับซ้อน ทำให้ผ้ายกนครฯ เกือบจะสูญหายไป แต่ด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้ และพระราชทานอาชีพเสริมแก่ราษฏร คือการทอผ้าฝ้าย ปักผ้า สานกระจูด และประดิษฐ์ดอกไม้ เกิดเป็นศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๗ เมื่อได้ทรงทราบว่าผ้ายกเมืองนครฯ ซึ่งมีชื่อเสียงมาแต่อดีตขาดผู้สืบทอด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟู โดยนำกระบวนการทอผ้ายกแบบโบราณจากจังหวัดสุรินทร์ ไปฝึกสอนเป็นพื้นความรู้ในการทอ
"ปัจจุบันศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมังและบ้านตรอกแค ซึ่งเริ่มต้นจากการทอผ้าฝ้ายมาสู่การทอผ้าไหม ได้พัฒนาขึ้นจนสามารถทอผ้ายกทองเมืองนครฯ ได้อย่างงดงาม จึงนับเป็นการอนุรักษ์ พร้อมกับการสร้างรายได้แก่ให้เกิดแก่สมาชิกมูลนิธิฯ ชาวนครศรีธรรมราช อันเป็นแหล่งทอผ้ายกของราชสำนักมาแต่โบราณ และสามารถนำผ้ายกที่ผลิตขึ้นใหม่นี้มาใช้เป็นเครื่องแต่งกายโขนพระราชทาน โดยในการแสดงโขนฯ ปี ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา ได้มีการใช้ผ้ายกทองจาก ศูนย์ศิลปาชีพทั้งสองแห่งจำนวนมากถึง ๔๓ ผืน ทดแทนการสั่งผ้าเข้ามาจากต่างประเทศจากในช่วงปีแรกๆ ของการผลิตโขนพระราชทานได้เป็นอย่างดี" อาจารย์วีรธรรม กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด "ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ" ประจำปี ๒๕๕๘ กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน – ๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าชม ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา โทร.๐๒-๒๖๒-๓๔๕๖ หรือทาง www.thaiticketmajor.com บัตรราคา ๖๒o, ๘๒o, ๑,๐๒๐ และ ๑,๕๒๐ บาท รอบนักเรียน นักศึกษา บัตรราคา ๑๒o บาท (หยุดการแสดงทุกวันจันทร์) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.khonperformance.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit