· ในขณะนี้ฟอร์ดได้ทำงานร่วมกับบริษัทด้านการพิมพ์สามมิติ คาร์บอน ทรีดี (Carbon 3D) ที่ซิลิคอนแวลลีย์เพื่อผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่มีคุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว
· ฟอร์ดเดินหน้าการพัฒนาเทคโนยีแบบสวมใส่ด้วยการขยายฟังก์ชั่นการใช้งานของแอพพลิเคชั่นในมือถือ มายฟอร์ด โดยจะเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะ รวมไปถึงเทคโนโลยีแบบสวมใส่ในระบบแอนดรอยด์ ในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเช็คทิศทางในการขับขี่ของยานพาหนะ ระดับแบตเตอรี่ รวมไปถึงระบบปลั๊กอินไฮบริด หรือการควบคุมการสั่งการยานพาหนะไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วจากข้อมือของผู้ขับขี่
ฟอร์ดประกาศเดินหน้าเทคโนโลยีรถขับขี่อัตโนมัติเคลื่อนใกล้กระบวนการผลิต ถือเป็นอีกโครงการที่ได้เริ่มต้นจากการวิจัยสู่โครงการด้านวิศวกรขั้นสูง
ฟอร์ดได้แต่งตั้งให้ มร .แรนดี้ วิซินเทนเนอร์ วัย 29 ปี ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานกับฟอร์ดมาก่อน ขึ้นเป็นผู้อำนวยการการพัฒนาระบบยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ พร้อมจัดตั้งคณะทำงานระดับโลกเพื่อดูแลโปรแกรมขั้นสูงนี้ด้วย
สถาบันวิจัยและนวัตกรรมของฟอร์ด ณ เมืองพาโลอัลโต ได้ทำงานร่วมกับคณะทำงานระดับโลกของฟอร์ดในการพัฒนาแผนการสัญจรอัจฉริยะ ที่จะช่วยยกระดับให้บริษัทก้าวนำไปอีกขั้น ทั้งด้านการเชื่อมต่อสื่อสาร การสัญจร นวัตกรรมยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ การสร้างประสบการณ์ความพึงพอใจของลูกค้า และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่
"ในช่วงระหว่าง 5 ปีข้างหน้านี้ เราจะทำงานในเชิงรุกเพื่อติดตั้งเทคโนโลยีในการช่วยเหลือผู้ขับขี่ในรถยนต์ของฟอร์ด เพื่อช่วยให้การขับขี่บนท้องถนนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงพัฒนาสมรรถนะในการขับขี่อัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง" มร. ราช แนร์ รองประธานกลุ่มผู้บริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับโลกของฟอร์ด กล่าว "ในขณะเดียวกัน เราจะมุ่งมั่นทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการที่ลูกค้าเราเลือกซื้อและเป็นเจ้าของรถ ฟอร์ดจะมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน"
ในปัจจุบันกระบวนการพัฒนายานยนต์ขับขี่อัตโนมัติเข้าสู่การผลิต อยู่ในกระบวนการที่ 2 จากทั้งกระบวนการทั้งหมด 3 กระบวนการในการนำฟีเจอร์นี้สู่ตลาดผู้บริโภค เนื่องจากเป็นโปรแกรมการพัฒนาขั้นสูง ทำให้คณะทำงานกำลังทำงานในการพัฒนาระบบสัมผัสรวมถึงเทคโนโลยีคอมพิเตอร์ที่จำเป็น และยังรวมไปถึงการทดสอบอย่างต่อเนื่องและปรับปรุงอัลกอริธึมต่างๆ อย่างละเอียดอย่างสม่ำเสมอ
ฟอร์ดยังได้ประกาศว่าเทคโนโลยีระบบป้องกันการชนพร้อมสัญญาณตรวจจับคนเดินถนนที่มีปัจจุบันมีอยู่ในรถฟอร์ด มอนดิโอ ในยุโรป จะมีในรถยนต์ฟอร์ดในสหรัฐอเมริกาในปีหน้า นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะติดตั้งระบบนี้ในรถยนต์ส่วนใหญ่ของฟอร์ดทั่วโลกภายในปี 2019
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของแบบการผลิตรถยนต์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับระบบขับเคลื่อนแบบกึ่งอิสระ โดยฟอร์ดได้พัฒนาศักยภาพการใช้เซ็นเซอร์ อัลกอริธึม และจุดกระตุ้นต่างๆ ในรถยนต์เพื่อสร้างเทคโนโลยีการขับรถอัตโนมัติเต็มรูปแบบในแบบใหม่
การเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตอินเทอเฟสของเหลวแบบต่อเนื่อง หรือคลิป CLIP ของ คาร์บอน ทรีดีช่วยเร่งการสร้างนวัตกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์ฟอร์ดร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพและหน่วยงานหลักต่างๆ ในซิลิคอนแวลลีย์เพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาด้านการสัญจรให้กับคนกว่าหลายล้านคนทั่วโลก
ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ.2557 ที่ผ่านมา ฟอร์ดได้ทำงานร่วมกับคาร์บอน ทรีดี ในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอินเทอเฟสของเหลวแบบต่อเนื่อง หรือคลิป (CLIP) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติที่พัฒนามาจากระบบแผนยางยูวี ซึ่งมีกระบวนการทำงานที่เร็วขึ้น 25 ถึง 100 เท่า เมื่อเทียบกับกระบวนการพิมพ์สามมิติแบบดั้งเดิม ผลลัพธ์ของชิ้นส่วนที่ได้จากการพิมพ์สามมิตินี้มีคุณสมบัติในทางเครื่องกลที่สามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญต่างๆ ของรถยนต์ฟอร์ดได้ รวมไปถึงชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงด้วย
"ความสามารถในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ของเราขึ้นอยู่กับความเร็วในการเปลี่ยนจากความคิด มาเป็นกระบวนการผลิตจริงได้ว่าทำได้เร็วมากน้อยแค่ไหน" มร. แนร์ กล่าว "เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยทำให้เราสามารถสร้างชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับชิ้นส่วนในการผลิตจริงเพื่อการสร้างต้นแบบในการออกแบบผลิตภัณฑ์ และในบางครั้งยังรวมไปถึงในส่วนของการผลิตอีกด้วย ทำให้เราทำงานได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา ดังนั้นจึงส่งผลให้เราสามารถส่งมอบรถยนต์แบบใหม่ๆ ให้กับลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น"ฟอร์ดมุ่งเน้นการการเชื่อมต่อสื่อสาร
ทีมงานของฟอร์ดยังทำงานร่วมกันในการขยายนวัตกรรมการเชื่อมต่อสื่อสารด้วยการใช้เทคโนโลยีแบบสวมใส่
บริษัทได้พัฒนาการขยายฟังก์ชั่นการใช้งานของแอพพลิเคชั่นมือถือมายฟอร์ด ซึ่งจะเปิดตัวในนาฬิกาอัจฉริยะรวมไปถึงใน แอนดรอยด์แวร์ในเร็วๆ นี้
แอพพลิเคชั่นมือถือมายฟอร์ดซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ในมือถือสมาร์ทโฟนจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเช็คทิศทางในการขับขี่ของยานพาหนะ ระดับแบตเตอรี่ รวมไปถึงระบบปลั๊กอินไฮบริด หรือการควบคุมสั่งการยานพาหนะไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วจากข้อมือของผู้ขับขี่ก่อนที่จะเดินทาง และยังสามารถค้นหาที่จอดชองสถานที่ที่เคยจอดรถไว้ครั้งสุดท้ายได้อีกด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ฟอร์ดยังได้ประกาศเปิดตัวระบบสั่งงานด้วยเสียงซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งเป็นระบบเพื่อการสื่อสารและความบันเทิงใหม่ล่าสุด ในตลาดอเมริกาเหนือ ในปีพ.ศ. 2559 ในรถยนต์ฟอร์ดเอสเคป เฟียสต้า เอฟ-150 มัสแตง และทรานสิท ระบบสั่งงานด้วยเสียงซิงค์ 3 SYNC 3 มีฟังก์ชั่นและประสิทธิภาพการใช้งานที่รวดเร็วขึ้น พร้อมความสามารถในการรับรู้เสียงจากบทสนทนา หน้าจอสัมผัสที่ใช้งานง่ายเหมือนสมาร์ทโฟน และกราฟฟิคอินเทอเฟซที่เข้าใจได้ง่าย
นับได้ว่าฟอร์ดเป็นบริษัทแรกที่นำเอาเทคโนโลยีการควบคุมด้วยเสียงมาใช้ในแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟนกับแอพลิงค์ (AppLink™) และต่อมาได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการใช้อินเทอเฟซระบบสัมผัสหน้าจอในระบบสั่งงานด้วยเสียงซิงค์3 ทั้งนี้แอพลิงค์จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและควบคุมการใช้งานเข้ากับแอพพลิเคชั่นผ่านการควบคุมด้วยเสียงหรือการกดปุ่มบนหน้าจอสัมผัส โดยแอพพลิเคชั่นที่จะเปิดตัวพร้อมกับระบบซิงค์ 3 ใหม่ ได้แก่ สปอทติฟาย แพนดอร่า กลิมซี่ แอคคูเวเตอร์ และไอฮาร์ทออโต้
สัปดาห์นี้ยังเป็นครั้งแรกที่รถยนต์ที่ติดตั้งระบบสังงานด้วยเสียงซิงค์ 3 ได้รับการนำมาทดลองขับเป็นครั้งแรกอีกด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit