นายดนัย เอกกมล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยว่า จากแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้นตามความเติบโตของเศรษฐกิจ ย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการของผู้ประกอบการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จึงได้กำหนดนโยบายและแนวทางเพื่อกำกับดูแลและส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในทุกๆ สาขาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในแนวทางหลักที่ได้มีการดำเนินการเป็นรูปธรรมได้แก่ การจัดทำแผนอนุรักษ์พลังงานระยะ 20 ปี (ปี 2554-2573) ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายให้มีค่าดัชนีการใช้พลังงานรวมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ณ ปี พ.ศ. 2573 ลดลงให้ได้ร้อยละ 25 ซึ่งภายใต้แผนฯ ดังกล่าว ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์หลักข้อหนึ่งได้แก่ การใช้มืออาชีพและบริษัทจัดการพลังงาน เป็นกลไกสำคัญเพื่อให้คำปรึกษาและดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงาน ทั้งนี้เพื่อให้กลไกบริษัทจัดการพลังงานหรือที่เรียกอีกนัยหนึ่งว่า ESCO เป็นทางเลือกใหม่ของการอนุรักษ์พลังงาน ให้เป็นแนวทางที่สามารถให้บริการแบบครบวงจรและเสริมสร้างผู้ประกอบการให้มีการใช้พลังงานอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ที่ผ่านมา พพ. ได้มีการส่งเสริม ESCO ในหลายๆ รูปแบบด้วยกัน อาทิ การจัดกิจกรรมเผยแพร่และให้ความรู้ความเข้าใจ รวมถึงเผยแพร่ผลสำเร็จของ ESCO ผ่านทางกิจกรรมทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค การสร้างเครือข่ายของผู้ให้บริการและผู้รับบริการในธุรกิจ ESCO ในรูปแบบของการขึ้นทะเบียนผู้ให้บริการ ESCO และ เครือข่าย ESCO – Bank Networking การจัดตั้งและพัฒนาศูนย์กลางข้อมูลของESCO ภายใต้ชื่อ ESCO Information Center เพื่อให้บริการข้อมูลพื้นฐานและองค์ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงยังมีการขยายความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจ ESCO กับเครือข่าย ESCO ในต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลี เป็นต้น"นอกจากนี้ พพ. ได้ผลักดันให้มีมาตรการต่างๆ ในด้านมาตรการสนับสนุนด้านการเงินการลงทุนสำหรับ ESCO เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัท ESCO ในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และอากรนำเข้าเครื่องจักร/อุปกรณ์ ผ่านทาง BOI และโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน หรือ ESCO Fund เพื่อเป็นเครื่องมือที่จะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยกลไกของ ESCO เป็นตัวขับเคลื่อน ดังนั้น เพื่อเป็นการสานต่อและขยายผลการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้น พพ.จึงได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงาน Thailand ESCO Fair 2015 และกิจกรรมกระตุ้นและขยายตลาดธุรกิจ ESCO ขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน และกระตุ้นให้เกิดการดำเนินธุรกิจและการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยใช้ระบบ ESCO รวมไปถึงการขยายเครือข่ายระหว่างบริษัทจัดการพลังงาน ผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน ตลอดจนส่งเสริมให้สถานประกอบการที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการอนุรักษ์พลังงาน สามารถเลือกลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างเหมาะสม" นายดนัย เอกกมล กล่าว
ด้าน นายหิน นววงศ์ รองประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงาน Thailand ESCO Fair 2015 ในครั้งนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น และส่งเสริมให้สถานประกอบการที่มีความพร้อม และมีศักยภาพในการอนุรักษ์พลังงาน สามารถเลือกลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างเหมาะสม สำหรับงาน Thailand ESCO Fair 2015 กำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2558 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยภายในงานประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ งานนิทรรศการ และการจัดสัมมนา มุ่งเน้นที่จะเผยแพร่หลักการของธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน ด้วยการแสดงผลงานความสำเร็จของโครงการต่างๆ เพื่อให้สถานประกอบการเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้บริการของบริษัทจัดการพลังงาน โดยจะมีการนำเสนอรูปแบบการให้บริการของบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) ทั้งของภาครัฐและเอกชน จัดแสดงเทคนิคการบริหารจัดการ และเทคโนโลยีอุปกรณ์ด้านอนุรักษ์พลังงาน กว่า 40 บูธ
สำหรับการจัดสัมมนา ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี กล่าวเปิดงานและมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ระบบ ESCO และบริษัทจัดการพลังงานดีเด่น และในงานยังมีการเสวนาหัวข้อ "เพิ่มความเชื่อมั่นการลงทุนด้านพลังงานด้วยมาตรฐาน ESCO" ในช่วงเช้าและช่วงบ่ายเสวนาเรื่อง "แหล่งเงินทุนอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มศักยภาพบัญชีกระแสเงินสด" และบรรยายเรื่อง "Success Case of ESCO Projects" โดยผู้แทนจากสถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จ จึงขอเชิญผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมงานสำรองที่นั่งได้ที่สถาบันพลังงานฯ ได้ที่หมายเลข 0 2345 1251 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
"หวังเป็นอย่างยิ่งว่างาน Thailand ESCO Fair 2015 ที่จะจัดขึ้น และกิจกรรมกระตุ้นและขยายตลาดธุรกิจ ESCO ที่จะเกิดขึ้นอีก 10 ครั้ง ในพื้นที่ กทม. นครราชสีมา ชลบุรี ภูเก็ต และเชียงใหม่ จะเป็นตัวกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาและส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานของภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันทางการตลาดของประเทศต่อไป" นายหิน นววงศ์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit