นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจาก บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ ได้ยื่นแบบแสดงคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งของบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วทั้งหมด มีจำนวน 480 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกอีก 120 ล้านหุ้น ทั้งนี้ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์และบริษัทย่อย เป็นผู้ให้บริการรับฝากสินค้าและให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร (Fully Integrated In Land Logistics Service Provider) โดยครอบคลุมการให้บริการ 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าบนพื้นที่ทั่วไปและพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) โดยมีสินค้าที่ให้บริการ 4 ประเภทคือ สินค้าทั่วไป สินค้าอันตราย รถยนต์และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง 2. ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าในประเทศและขนส่งสินค้าข้ามแดน เช่น ประเทศลาว เมียนมาร์ ฯลฯ 3. ธุรกิจให้บริการขนย้ายในประเทศและต่างประเทศเจาะกลุ่มองค์กรและบุคคล โดยให้บริการขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้สำหรับที่พักอาศัย อุปกรณ์สำนักงาน อุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับโรงงานและสิ่งของสำหรับงานแสดงสินค้าและศิลปะ 4. ธุรกิจให้บริการรับฝาก บริการจัดการเอกสารและข้อมูลอย่างครบวงจรและ 5.ธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจให้เช่าอาคาร-คลังสินค้าและธุรกิจให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
กรรมการผู้จัดการ บมจ. หลักทรัพย์ กสิกรไทย กล่าวด้วยว่า เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทฯ จะนำไปใช้ลงทุนขยายกิจการ เพื่อรองรับแผนขยายพื้นที่ให้บริการคลังสินค้าทั่วไป สินค้าอันตรายและสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นแช่แข็งในประเทศและประเทศกลุ่ม CLMV เช่น ประเทศลาว กัมพูชาและเมียนมาร์และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศอย่างครบวงจรมานานกว่า 35 ปี ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่ให้บริการทั้งในเขตพื้นที่ทั่วไปและเขตปลอดอากรรวม 775,743 ตารางเมตร ประกอบด้วยคลังสินค้าจำนวน 40 หลัง พื้นที่รวม 206,488 ตารางเมตรและลานรับฝากสินค้า 569,255 ตารางเมตร โดยตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง 608,187 ตารางเมตร ถนนกรุงเทพกรีฑา 4,575 ตารางเมตร ถนนสามวา 19,200ตารางเมตร ถนนบางนา-ตราด กม.19 ขนาด 94,480 ตารางเมตร ถนนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา 18,905 ตารางเมตร ตำบลมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร 27,996 ตารางเมตรและอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ 2,400 ตารางเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวรวมพื้นที่การให้บริการจัดการสินค้าอันตราย 184,000 ตารางเมตร ที่บริษัทฯ ได้รับสัมปทานเพียงรายเดียวในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ส่งผลให้สินค้าอันตรายทั้งหมดที่เข้า-ออกผ่านท่าเรือฯ ต้องผ่านคลังสินค้าอันตรายของบริษัทฯ เท่านั้น
สำหรับจุดแข็งของการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นั้น 1. บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินแบบครบวงจร ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน 2. บริษัทฯ มุ่งเน้นการให้บริการในกลุ่มธุรกิจที่มีความซับซ้อนสูงกว่าการให้บริการทั่วไป เช่น การบริหารจัดการคลังสินค้าอันตราย สินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นแช่แข็ง สินค้ารถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องการความถูกต้องและรวดเร็วในการให้บริการ และ 3. บริษัทฯ นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาช่วยในการบริหารจัดการคลังสินค้าเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวถูกพัฒนาโดยบริษัทในเครือ
“เราพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จของธุรกิจโลจิสติกส์อย่างครบวงจรสู่ประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยจะนำเสนอการให้บริการโลจิสติกส์ ที่ตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างสูงสุด ทั้งนี้ ในปี 2558 บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ ลาวและกัมพูชา” นายชวนินทร์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit