การออกแบบเสื้อทีมเหย้าใหม่เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “If it’s not blue, it will be” ซึ่งเป็นแคมเปญใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้เล่นในทีมที่จะครองตำแหน่งแชมป์ในทุกสนามทั้งในบ้านและในยุโรป โดยผู้เล่นจะเปิดตัวและใส่เสื้อใหม่นี้ในช่วงแข่งทัวร์พรีซีซั่นที่อเมริกา ชิงชัยกับนิวยอร์ก เรด บูลส์ ในเมเจอร์ ลีก ซอกเกอร์ (Major League Soccer – MLS), ผู้ชนะจากยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา, แชมป์จากลีกเอิงของฝรั่งเศส และ สโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในงานฟุตบอลตามโครงการฝึกสอนทักษะฟุตบอลระดับรากหญ้าหรือที่รู้จักกันในนาม Grass Rootsที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 กรกฎาคมในย่านฮาเร็ม นครนิวยอร์ก
แคมเปญใหม่ที่สนุกสนานท้าทายนี้จะมีการปล่อยชุดภาพและวีดีโอ Vine รูปแบบเฉพาะตัว ที่จะมีผู้เล่นในทีมมากมายมาร่วมสร้างสีสัน ไม่ว่าจะเป็น เดียโก โกสตา, จอห์น เทร์รี, เอแดน อาซาร์, ควน กวาดราโด, ออสการ์, เซซาร์ อัซปีลีกูเอตา, แกรี เคฮิลล์, รูเบน ลอฟตัสชีก และเนมันยา มาติช ที่ทั้งหมดจะมาร่วมกันเปลี่ยนแปลงโลกรอบตัวให้แปลกตาไปจากเดิม อาทิ เดียโก โกสตาที่จะเสกชุดแฟนลูกหนังให้เปลี่ยนจากสีแดงเป็นน้ำเงินคราม หรือเซซาร์ อัซปีลีกูเอตาพร้อมใจกับเอแดน อาซาร์เปลี่ยนโฉมรถใหม่จากสีแดงเป็นน้ำเงินคราม เป็นต้น โดยซี่รี่ส์วีดีโอ Vine เหล่านี้จะถูกปล่อยออกตามช่องทางโซเชี่ยลของทั้งอาดิดาสและสโมสรฟุตบอลเชลซีตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคมเป็นต้นไป และจะทยอยปล่อยออกมาเรื่อยๆตลอดช่วงที่ทางสโมสรฯเดินสายทัวร์ที่อเมริกา
การออกแบบเสื้อทีมเหย้านั้นยังคงรูปแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาช้านาน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากองค์ประกอบมากมายของเสื้อคลาสสิคในช่วงยุคทศวรรษที่ 80 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าแฟนตัวจริง ตัวชุดมีขลิบขอบขาวและแดงที่ปกเสื้อ แขนเสื้อ กางเกง และถุงเท้า เป็นการใช้สีเพื่อรำลึกและสื่อให้เห็นถึงประวัติที่มาของชุดทีมประจำสโมสรแห่งนี้ ลายเส้นแนวตั้งสะท้อนให้เห็นถึงการเฉลิมฉลองประวัติอันยาวนานของเชลซีและเป็นการนำเสนอที่ทำต่อเนื่องมาจากรูปแบบของเสื้อในระดับตำนานทั้งหลายตลอดช่วง30 ปีที่ผ่านมา
นอกเหนือไปจากรูปแบบหลักที่เป็นหัวใจของชุดแล้ว เสื้อทีมประจำซีซั่น 2015/16 นี้ยังได้เพิ่มเอกลักษณ์อย่างหนึ่งเพิ่มเข้าไป นั่นก็คือ การทอลายพิมพ์นิ้วมือของผู้เล่นลงไปที่ป้ายของเสื้อแต่ละตัวอีกด้วย ลายนิ้วมือถือเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัวของผู้เล่น ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน แนวคิดนี้เป็นของอาดิดาสที่ต้องการให้แฟนของสโมสรฯได้รู้สึกสนิทใกล้ชิดกับผู้เล่นของสโมสรฯได้มากขึ้น และเข้าถึงความเป็นสโมสรฟุตบอลเชลซีได้ดียิ่งขึ้น
เสื้อชุดใหม่นี้ใช้เทคโนโลยีเสริมประสิทธิภาพล่าสุดของอาดิดาสที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เล่นมีความสบายและคล่องตัวมากยิ่งขึ้นในสนามแข่ง มีเทคโนโลยีระบายอากาศไคลมาคูลที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกแห้งสบายด้วยวัสดุที่ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เนื้อผ้าและการเย็บแบบพิเศษช่วยให้มีอิสรภาพในการเคลื่อนไหวมากขึ้น ใส่สบายขึ้นโดยไม่ลดทอนความยืดหยุ่นและความทนทานลงแม้แต่น้อย
แนวคิด "If it’s not blue, it will be” เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #BeTheDifference จากอาดิดาส ที่ต้องการปฏิวัติวงการลูกหนังโดยการมอบมุมมองใหม่ให้กับคำว่า “ฟุตบอล” เพราะในการแข่งขันฟุตบอลนั้น ความได้เปรียบเพียงน้อยนิดจะเป็นตัวลิขิตชัยชนะของผู้เล่น ทักษะที่โดดเด่นเพียงอย่างเดียวหรือการตัดสินใจชั่วเสี้ยววินาทีสามารถจะนำทีมสู่ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ได้ทันที ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าใครจะสร้างความแตกต่างได้ในสนามแข่ง ใครจะสร้างแนวทางสุดคาดเดา และใครจะสร้างแผนการเล่นได้แบบพับสนาม ใครจะเป็นผู้พลิกเกม ใครจะเป็นผู้คุมเกม สไตล์การเล่นและชัยชนะล่าสุดของเชลซีเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของแนวคิดที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่าวิธีการเล่นอย่างมีวินัยของทีมทั้งเมื่ออยู่ในด้านคุมเกมหรือด้านพลิกเกมสามารถนำชัยมาให้ทีมได้อย่างเป็นที่น่าจับตาในปี 2015
ชุดทีมเหย้าจะเริ่มออกวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม เป็นต้นไป ในราคา 2,790 บาท ที่ร้านอาดิดาสและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของสโมสรฟุตบอลเชลซี ร้านเครื่องกีฬาเฉพาะทาง รวมถึงผ่านช่องทาง e-commerce พร้อมกันทั่วโลก
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ adidas.com/football และ chelseamegastore.com
ร่วมติดตามความเคลื่อนไหวและพูดคุยได้ผ่านทาง @adidasUK และ @ChelseaFC #BeTheDifference
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit