นายอาสา สารสิน กรรมการ และประธานคณะกรรมการกิจการสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของประเทศ เอสซีจีเล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัย จึงร่วมมือกับกองทัพบก จัดโครงการ “เอสซีจี รวมใจสู้ภัยแล้ง” ด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท เบื้องต้นได้สนับสนุนถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ให้กับชุมชนที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในพื้นที่ภาคกลาง และภาคอีสาน โดยให้ความช่วยเหลือชุมชนที่ยังไม่มีถังเก็บน้ำ เพื่อนำไปติดตั้งในพื้นที่สาธารณะ อาทิ โรงเรียน วัด และที่ทำการของชุมชน
พลโทเสริมศักดิ์ นิยะโมสถ รองเสนาธิการทหารบก กล่าวว่า กองทัพบกห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยแล้งอย่างยิ่ง และพร้อมให้การสนับสนุนเรื่องต่างๆ อย่างเต็มที่ อาทิ การจัดกำลังพล ยานพาหนะ และรถบรรทุกน้ำ รวมถึงศึกษาหาข้อมูลพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งเพิ่มเติม เพื่อให้ความช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่อย่างครอบคลุมทั่วถึง กองทัพบกหวังว่าความร่วมมือกับเอสซีจีในครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้สังคมและชุมชน
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี มีนโยบายลดการใช้น้ำอยู่แล้ว สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งนี้ เอสซีจีได้กำหนดมาตรการประหยัดน้ำที่เข้มข้นขึ้น โดยในกระบวนการผลิตได้ยึดหลักปฏิบัติอย่างจริงจังตามแนวทาง 3R (Reduce, Reuse/Recycle, Replenish) โดยลดการใช้น้ำ การบำบัดน้ำด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ สำหรับการประหยัดน้ำในสำนักงานซึ่งเป็นอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Building)นอกเหนือจากการเลือกใช้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประหยัดน้ำ ยังได้มีการใช้น้ำรีไซเคิล 100% จากบ่อเก็บน้ำในพื้นที่สำนักงานใหญ่ มาใช้ในโถสุขภัณฑ์และรดน้ำต้นไม้บริเวณสวนรอบอาคาร อีกทั้งยังรณรงค์สร้างจิตสำนึกอย่างจริงจังให้พนักงานประหยัดการใช้น้ำในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ขอเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและประหยัด เพื่อวันข้างหน้ามีน้ำใช้อย่างยั่งยืน