เมื่อเร็วๆ นี้ นาย มาซาชิ โฮริคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซูรูฮะ โฮลดิ้งส์ อิงค์ ผู้ประกอบธุรกิจ ซูรูฮะ (TSURUHA) เชนดรักสโตร์รายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการเชนดรักสโตร์ชื่อดัง เลดี้ดรักสโตร์ ในพื้นที่เกาะชิโคคุ ประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ทำให้จำนวนสาขาในเครือซูรูฮะเพิ่มเป็น 1,603 สาขา และมียอดรายได้รวมต่อปีอยู่ที่ 494,900 ล้านเยน หรือประมาณ 137,200 ล้านบาท นับเป็นเป็นเชนดรักสโตร์ที่มีจำนวนสาขาและยอดขายสูงเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้ แซงหน้าร้านมัตสึโมโตะ คิโยชิ (Matsumoto Kiyoshi) ที่มีสาขาในญี่ปุ่น 1,528 สาขา
จากที่ “ซูรูฮะ" เชนดรักสโตร์ร้านค้าปลีกเพื่อสุขภาพและความงามชั้นนำจากญี่ปุ่น ได้ขยายธุรกิจมาในประเทศไทยโดยร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์ ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท และเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นปีที่ 3 ปัจจุบันมีจำนวนสาขาในประเทศไทยทั้งสิ้น 24 สาขา และมีแผนที่จะขยายสาขาคู่กับการเพิ่มแผนการตลาดเชื่อมกับธุรกิจที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมวางแนวทางผลักดันให้ในประเทศไทยก้าวสู่ฮับอาเซียน หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีแนวโน้มการเติบโต ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัทแม่ซูรูฮะที่ญี่ปุ่นที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก โดยวางเป้าหมายจะมีสาขาร้านซูรูฮะทั่วโลกที่ประมาณ 20,000 สาขา นายมิตซูโนบุ อาเบะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซูรูฮะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวทิ้งท้าย
น.ส.เบญจมาศ ต้องประสิทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัท ซูรูฮะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูรูฮะ เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่มีความแตกต่างชัดเจน ภายใต้ชื่อ "ซูรูฮะ ซูเปอร์ ดรักสโตร์" ด้วยคอนเซ็ปต์ “One Stop Shopping” ซึ่งแน่นอนว่าเซนดรักสโตร์ในไทยก็ได้ขานรับการดำเนินธุรกิจในเชิงรุก เดินหน้าตามนโยบายหลักที่จะขยายสาขาให้มากที่สุดรองรับดีมานด์ผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ร้านซูรูฮะในประเทศไทย ตั้งเป้าจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 100 สาขาภายใน 5 ปี เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับซูรูฮะในประเทศไทยก่อนที่จะก้าวไปสู่ตลาดระดับอาเซียน
แม้ปีนี้ ยังไม่บุกตลาดอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ แต่จะเป็นการเตรียมความพร้อมและศึกษาเทรนด์ตลาดและการเติบโต เพื่อปูทางสู่การขยายธุรกิจต่อไป ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ พร้อมยังเน้นจุดเด่นในเรื่องบริการที่โดดเด่นตามแบบฉบับญี่ปุ่น และชูจุดเด่นในการเป็นศูนย์รวมสินค้าที่มีความหลากหลายที่เป็นมากกว่าร้านขายยา เรียกว่าครบครันทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และเครื่องสำอาง มีสินค้ามากกว่า 10,000 รายการให้เลือกจบครบในที่เดียว ซึ่งการลงทุนแต่ละสาขาจะใช้งบประมาณไม่เท่ากัน มูลค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 5-20 ล้านบาท ตามขนาดพื้นที่ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
ปัจจุบันสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้ 3% จากปีแรกเริ่มธุรกิจประมาณ 2% ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมธุรกิจค้าปลีกเพื่อสุขภาพและความงามมากกว่า 20,000 ล้านบาท ภายใต้การแข่งขันในตลาดที่ยังคงรุนแรง แม้จะมีผู้ประกอบการในตลาดมากขึ้น อาทิ วัตสัน, บู๊ทส์, เพรียว บิ๊กซี, ซีพี เอ็กซ์ตร้า, โอเกนกิ รวมถึงแบรนด์ใหม่ในไทย เช่น มัตสึโมโตะ คิโยชิ เป็นต้น อย่างไรก็ตามการดำเนินธุรกิจก็ต้องรัดกุมที่สุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริษัท กนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์ จำกัด (ที่ปรึกษาด้านงานประชาสัมพันธ์)โทร.02-284-2662 แฟกซ์. 02-284-2287,2291 www.kanokratpr.comคุณกนกรัตน์ วีรานุวัตติ์ E-mail: [email protected]
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit