เกษตรฯคัด 25 ศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ ดันสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด พร้อมปั้นโซเชียลบิซเนส ยายช่องทางจำหน่าย 8 กลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพ เพิ่มโอกาสทางการตลาด ปีนี้ตั้งเป้าโกยเงิน 5,000 ล้านบาท

20 Jul 2015
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงเกษตรฯได้ส่งเสริมและพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ (Cooperative Distribution Center : CDC) มาอย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตและการตลาดสินค้าสหกรณ์ในรูปแบบการรวมซื้อและรวมขาย ซึ่งมีการจัดหาสินค้ามาจำหน่ายให้แก่สมาชิกพร้อมแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าระหว่างสหกรณ์ด้วยกันเอง ในปีที่ผ่านมา มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ จำนวน 83 แห่ง มีปริมาณธุรกิจรวม 1,899 ล้านบาท และในปี 2558 นี้ มีศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์แล้ว 102 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่า ปริมาณธุรกิจจะขยายตัวเติบโตขึ้นถึง 5,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงเกษตรฯได้คัดเลือกศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ที่มีศักยภาพ จำนวน 25 แห่ง ใน 25 จังหวัด เพื่อพัฒนายกระดับและต่อยอดธุรกิจสหกรณ์เพื่อช่วยผลักดันสินค้าสหกรณ์ไปสู่ชุมชน ขยายผลไปสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพทางการตลาด ได้มาตรฐานและมีความเป็นไปได้สูง ได้แก่ ข้าวสาร น้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์นม กาแฟสำเร็จรูป ผลไม้ สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าประมงแปรรูป และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เป็นต้น

"ปัจจุบันได้หารือร่วมกับกลุ่มแม็คโคร และกลุ่มเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) เพื่อเชื่อมโยงฐานการผลิตสินค้าสหกรณ์กลุ่ม CDCขยายไปสู่ชุมชม ร้านสะดวกซื้อ และตลาดโมเดิร์นเทรด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าสินค้าสหกรณ์คุณภาพเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับเครือข่ายสหกรณ์ผู้ผลิต ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโซเชียลบิซเนส (Social Business) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย" รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าว

นายสมชายกล่าวอีกว่า ศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ที่มีศักยภาพทั้ง 25 แห่ง ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ 2 ขั้นตอน คือ 1.สินค้าสหกรณ์ที่มีอยู่เดิม จะมีการเจรจากับเครือข่ายผู้ซื้อและส่งขายตามเงื่อนไข และ2.ดึงบริษัทเอกชนมาเข้าร่วมทำซีเอสอาร์ (CSR) เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งศึกษารูปแบบการตลาดและช่องทางกระจายสินค้า จากนั้นจะขยายผลสู่บริษัทธุรกิจจำกัดเพื่อกระจายสินค้าจากกลุ่ม CDC ไปสู่ผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นและทั่วถึง ตรงตามความต้องการของลูกค้า ในราคาที่เหมาะสม คาดว่า จะเป็นกลไกช่วยผลักดันให้ธุรกิจ CDC เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"กลุ่ม CDC อาจต้องมีการสร้างตราสินค้าหรือแบรนด์ (Brand) ร่วมกันเพื่อทำตลาด พร้อมพัฒนาระบบโลจิสติกส์หรือขนส่งสินค้าสหกรณ์ขยายสู่ชุมชม ก้าวสู่การค้าโมเดิร์นเทรด และเข้าถึงผู้บริโภคภายในประเทศให้ได้มากที่สุด อนาคตกระทรวงเกษตรฯได้มีแผนส่งเสริมและผลักดันสินค้ากลุ่ม CDC คุณภาพมาตรฐานส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน คาดว่า จะทำให้ปริมาณและมูลค่าธุรกิจศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์เพิ่มสูงขึ้น" นายสมชายกล่าว