นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 10-17 สิงหาคม 2558 บลจ. กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นอินเดีย (K-INDX) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวจากการเติบโตของตลาดหุ้นอินเดีย และยังสามารถจับจังหวะซื้อขายทำกำไรตามการเคลื่อนไหวของดัชนี CNX Nifty ทั้งนี้ กองทุน K-INDX จะลงทุนในกองทุนหลักต่างประเทศพร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้นลงทุนในกองทุนหลัก ได้แก่ กองทุน iShares India 50 ETF ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของสหรัฐอเมริกา และมีกลยุทธ์เชิงรับ (Passive Strategy) เพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี CNX Nifty (ดัชนีอ้างอิง) ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ 50 ตัว ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย
“จุดเด่นของดัชนี CNX Nifty คือการเป็นดัชนีหุ้นที่สำคัญในตลาดหลักทรัพย์ National Stock Exchange (NSE) ของประเทศอินเดีย ที่ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 50 บริษัทแรก มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง และยังมีมูลค่าตลาดรวม (Market Cap) ในสัดส่วนสูงถึง 66.91% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมดในตลาด NSE นอกจากนี้หุ้นที่เป็นส่วนประกอบในดัชนีดังกล่าว ยังมีการกระจายตัวอยู่ในหลากหลายภาคกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีและมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลอินเดีย เช่น ภาคการเงิน ภาคพลังงานและเชื้อเพลิง ภาคการผลิต รถยนต์ และบริการสารสนเทศ เป็นต้น” นายนาวินกล่าว
ด้านมุมมองต่อเศรษฐกิจอินเดีย นายนาวินเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของอินเดียมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นกว่าในภูมิภาคและประเทศอื่นๆ โดย IMF คาดการณ์ว่าในปี 2558-2559 จะขยายตัวในระดับสูงกว่า 7% ต่อปี โดยปัจจัยสนันสนุนหลักจะมาจากการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางอินเดีย ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2558 ที่ผ่านมามีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 7.25% ทั้งนี้ด้วยระดับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางอินเดียสามารถดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางเศรษฐกิจได้เพิ่มเติมในอนาคต นอกจากนี้รัฐบาลอินเดียปัจจุบันยังมีแผนปฏิรูปเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ การมุ่งเน้นพัฒนาประเทศให้เติบโตแบบยั่งยืน ผ่านแผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินการคลัง และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ประกอบกับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในระดับต่ำจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจอินเดีย เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีการนำเข้าเชื้อเพลิงรายใหญ่ของโลก จึงช่วยลดต้นทุนด้านการผลิตและช่วยชะลอการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจากการสนับสนุนราคาน้ำมัน รวมถึงลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อภายในประเทศลง นอกจากนี้หน่วยงานภาครัฐของอินเดียซึ่งบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Employee's Provident Fund Organisation - EPFO) ได้แถลงว่าจะเริ่มมีการลงทุนในหุ้นอินเดียเพิ่มขึ้นผ่านการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟในปี 2558-2559 โดยคาดว่าเม็ดเงินในเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านรูปี หรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับหุ้นอินเดียมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นอินเดีย หากมองในแง่ของอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (Forward P/E) ของดัชนี CNX Nifty แม้ว่าระดับราคาปัจจุบันจะปรับขึ้นมาค่อนข้างมากอยู่ที่ระดับ 17 เท่า และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ระดับ 15 เท่าแล้ว แต่ตลาดหุ้นอินเดียยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ โดย Bloomberg คาดการณ์ว่าในปี 2558 นี้ ตลาดหุ้นอินเดียจะมีอัตราการเติบโตของผลกำไรสูงกว่า 17% ซึ่งยังทำให้มีโอกาสที่ราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นได้อีก (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ 30 มิ.ย. 58) บลจ.กสิกรไทย จึงมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างโอกาสรับผลกำไรจากตลาดหุ้นอินเดียได้
ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนกับกองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นอินเดีย (K-INDX) ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit