ดร.สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. อาซีฟา (ASEFA) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักรในวันที่ 5 สิงหาคม 2558 โดยASEFA ดำเนินธุรกิจผลิต จำหน่าย และติดตั้งสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าทั้งที่ออกแบบและพัฒนาโดยบริษัท ภายใต้แบรนด์ "Asefa" และได้รับลิขสิทธิ์ผลิตและจำหน่ายสวิตช์บอร์ดไฟฟ้ารายเดียวในประเทศจากบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Schneider Electric Industries S.A. และ Socomec S.A. นอกจากนี้ ASEFA ยังจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบกระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า รวมถึงให้บริการวิศวกรรมและบริการหลังการขาย โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมางานระบบ ผู้รับเหมาก่อสร้าง และเจ้าของโครงการ
ASEFA มีทุนชำระแล้ว 550 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 400 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 140 ล้านหุ้น และขายหุ้นเพิ่มทุนแก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานบริษัท รวม 10 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 28-29 และ 31 กรกฎาคม 2558 ในราคาหุ้นละ 3.70 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 555 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,035 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ. อาซีฟา (ASEFA) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ในการขยายโรงงานและจัดตั้งสาขาในต่างจังหวัด ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยการพัฒนา จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด ควบคู่ไปกับการสร้างความเจริญเติบโตทางธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ASEFA มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ กลุ่มนายไพบูลย์ อังคณากรกุล ถือหุ้น 40.45%กลุ่มนายเสงี่ยม กล่อมจิตเจริญ ถือหุ้น 10.90% กลุ่มนายชัยรัตน์ ตั้งติวาจา ถือหุ้น 10.81% และนายพรชัย อุไรสินธว์ ถือหุ้น 10.78% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 17.62 เท่า คำนวณจากผลประกอบการในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 เมษายน 2557 ถึง 31 มีนาคม 2558) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.21 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50%ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.asefa.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit