ถามถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันนั้นก่อน ?
“วันนั้นผมก็ไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แหละครับ เพื่อนก็มีปล่อยกลางทาง ผมก็เลยเดินข้ามแยกไฟแดงใหญ่ไปเพื่อมาเรียกแท็กซี่ที่ป้ายรถเมย์ตรงแถวสนามม้านางเลิ้ง พอนั่งปุ๊บผมก็หยิบโทรศัพท์มาเล่น หันมาอีกทีก็มีรถมอเตอร์ไซด์ 3 คัน ขับย้อนศรมาบนฟุตบาท วิ่งลงมาขู่เอาเงิน ผมก็ไม่สังเกตว่าเขาตามตั้งแต่แยกหรือเปล่า หันมาอีกทีเขาก็วิ่งเข้ามาแล้ว”
ตอนนั้นเขาทำอะไรกับเราบ้าง ?
“คนแรกลงมาก็ขู่เลยเอาตังค์มา โทรศัพท์อยู่ไหน กระเป๋าตังค์อยู่ไหน คือ กระเป๋ากางเกงข้างซ้ายมีเงินอยู่ 300 บาท อีกข้างหนึ่งเป็นกระเป๋าตังค์มีเงินอยู่ 5,000 กว่าบาท ผมก็ล้วงข้าง 300 บาทให้ก่อน แล้วเหมือนมันน้อยไปเขาไม่พอใจ เขาก็เรียกหากระเป๋าตังค์ ด้วยความที่เรากลัวด้วย และผมก็ไม่อยากจะถูกทำร้าย เราก็มีสติเลยให้ไปดีกว่า พอได้กระเป๋าตังค์ก็ถามถึงโทรศัพท์ว่าโทรศัพท์อยู่ไหน เราก็คิดว่าไหนๆ ก็ไหนแล้วหมดตัวก็ให้โทรศัพท์ไป แต่ก่อนที่จะจากไปมันหันมาถามรหัสเข้าโทรศัพท์ผมอีก เราก็ทำเหมือนกลัวแล้วให้เลขมั่วๆ ไป ทีนี้เขาก็ไปเลย”
ตอนนั้นมีสตินะ ?
“มีสติครับไม่เมา วันนั้นผมดื่มน้อยมาก กลับบ้านได้ เดินมาก็ปกติ จริงๆ วันนั้นที่ข้อมือใส่นาฬิกาด้วย แต่ตอนที่เราเดินข้ามแยกมีความรู้สึกนิดหนึ่ง มันมืดและไม่ค่อยมีคนเลย ป้ายรถเมย์ก็ไม่มีคนสักคนผมก็เลยเก็บนาฬิกาดีกว่า พอนั่งที่ป้ายเราก็คิดนะว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ภาพมันมาจากความคิดเราเลย มามอเตอร์ไซด์3 คัน ทั้งหมด 6 คน มารุมที่ผม 3 คนล้อมไม่ให้ลุกไปไหน อาวุธไม่มีครับ แต่ทุกคนตัวใหญ่หมดเลย พอตำรวจจับได้ก็เพิ่งรู้ว่าอายุ 17 ปี และ 19 ปี ยังมีคนที่เป็นเยาวชนอยู่”
เขาได้มีการทำร้ายร่างกายเรามั้ย ?
“ทำร้ายร่างกายไม่มีครับ แต่ตอนที่ขู่เอาเงินก็มีการะชากมือ แต่ไม่ถึงกับลงไม้ลงมือชกต่อย ล่าสุด 2-3วันที่ผ่านมาตำรวจก็จับได้หมดแล้ว คนร้ายกลุ่มนี้ก็ไปก่อคดีอีก สน. หนึ่ง พอดี สน.อื่นจับได้ก็เลยขยายผลมาถึงคดีของอาร์ม ของไม่ได้คืนสักอย่างเลยครับ”
หลังจากนี้ทำไงต่อไป ?
“เรื่องตรงนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจครับ เพราะว่าวันที่เกิดเหตุผมก็อยู่ให้การกับตำรวจนานมาก รู้สึกว่าเขาทำงานจริงจังมาก มูลค่าของทั้งวันนั้นที่คนร้ายเอาไปก็เกือบๆ 5 หมื่นครับ จริงๆ เรื่องของผมไม่คิดเอาคืนหรอกครับ ถือว่าฟาดเคราะห์ไป ปีนี้ปีชงด้วยแต่สิ่งที่อยากได้ คือให้แก๊งค์เหล่านี้มันหมดไป ที่เข้าไปแจ้งความดำเนินคดี แค่อยากจะให้ตำรวจจับตัวได้ มันจะได้ลดน้อยลงหน่อยในสังคมเรา หน้าคนร้ายเห็นครับ เพราะตอนที่เขามาใส่แค่หมวกกันน็อกแต่ไม่ได้ปิดหน้า จำคนที่วิ่งมาเราคนแรกได้ แต่คนที่นั่งบนรถจำไม่ได้”
ตอนนี้ยังกลัวหรือผวาอยู่มั้ย ?
“ดีขึ้นมากแล้วครับ ได้ไปทำบุญมาด้วย เมื่อ 2-3 วันที่ผ่าน และยังได้ไปแก้ปีชงที่ จ.อุดรธานี หลังจากนี้คงระวังตัวมากขึ้น เอาจริงๆ นะวันนั้นก็คงเป็นวันไม่ดีของผมด้วย ปกติผมจะขับรถตลอด ต่อไปคงจะระมัดระวังตัวอยู่ในที่มืดๆ จะไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น มันเหมือนล่อตาคน อยากจะฝากให้ทุกคนระมัดระวังตัวกันนิดหนึ่ง สังคมสมัยนี้เราไว้ใจใครไม่ได้”
ติดตามบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ได้ทางช่อง 2 ทุกวันจันทร์-ศุกร์เวลา 11.30 / 15.00 / 20.00 น. เสาร์-อาทิตย์11.00/15.00/20.00 และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/thaich2
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit