ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท ประกอบด้วยการลดลงของราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง GRM ของบริษัทต่ำกว่าที่ประมาณการไว้อย่างมีนัยสำคัญ และการที่บริษัทใช้เงินกู้สำหรับการลงทุนขนาดใหญ่เกินกว่าที่ประมาณการไว้ ในขณะที่ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ การที่กระแสเงินสดของบริษัทได้รับผลกระทบไม่มากจากราคาน้ำมันที่ผันผวนเนื่องจากบริษัทมีธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น
บริษัทบางจากปิโตรเลียมก่อตั้งในปี 2528 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2536 บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีกำลังการกลั่น 120,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 11% ของกำลังการกลั่นทั้งหมดภายในประเทศ บริษัทยังดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้า “บางจาก” ด้วย โดย ณ สิ้นปี 2557 บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันจำนวน 1,070 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 118 เมกะวัตต์ ณ เดือนกันยายน 2557 ผู้ถือหุ้นของบริษัทประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) 27.22% กระทรวงการคลัง 9.98% และส่วนที่เหลืออีก 62.80% ถือโดยนักลงทุนทั่วไป
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเกิดจากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ และการผสานธุรกิจการตลาดเข้ากับธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ของบริษัทมีความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบได้หลากหลายชนิดและได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้กำไรสูงในสัดส่วนที่สูง เช่น น้ำมันดีเซล และน้ำมันอากาศยาน ในปี 2557 ปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่นลดลงเหลือ 86,500 บาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่ 99,300 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันตามแผนในเดือนพฤษภาคม 2557 สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันที่บริษัทกลั่นได้ในปี 2557 ประกอบไปด้วยน้ำมันดีเซล 49% น้ำมันเบนซิน 20% น้ำมันเตา 17% และน้ำมันอากาศยาน 10% โดยบริษัทมีค่าการกลั่นพื้นฐาน (Base GRM) ที่ 7.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลสำหรับปี 2557
แม้ว่าโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทจะหยุดซ่อมบำรุง แต่ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายผ่านสถานีบริการของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้น 3% จาก 245 ล้านลิตรต่อเดือนในปี 2556 เป็น 251 ล้านลิตรต่อเดือนในปี 2557 โดยน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายผ่านสถานีบริการของบริษัทคิดเป็น 60% ของยอดจำหน่ายรวมของธุรกิจการตลาดของบริษัท ส่วนที่เหลืออีก 40% เป็นการจำหน่ายโดยตรงให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม บริษัทให้ความสำคัญและเป็นที่ยอมรับทางด้านการให้บริการน้ำมันในกลุ่ม
แก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 15.1% ในปี 2557 จาก 14.8% ในปี 2556 นับเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ
สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นั้น บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 118 เมกะวัตต์กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยบริษัทได้รับส่วนเพิ่มอัตราค่าไฟฟ้า (Adder) จำนวน 8 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้าง EBITDA จากโรงไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 2,700-2,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20%-25% ของประมาณการ EBITDA รวมของบริษัท สำหรับปี 2557 ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สร้าง EBITDA ให้แก่บริษัทเป็นจำนวน 2,572 ล้านบาท ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง
ในปี 2557 บริษัทมีรายได้ 183,016 ล้านบาท ลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนเนื่องจากราคาน้ำมันลดลง ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทลดลงไม่มากเมื่อเทียบกับการปรับตัวลงของราคาน้ำมันเนื่องจากรายได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยชดเชยผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง ราคาน้ำมันได้ลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ส่งผลให้บริษัทขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงประมาณ 44% จากราคาเฉลี่ยในเดือนมิถุนายน 2557 ที่ 108 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เหลือราคาเฉลี่ยในเดือนธันวาคม 2557 ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลงจาก 4.1% ในปี 2556 เป็น 1.8% ในปี 2557 ในขณะที่ EBITDA ลดลงจาก 9,463 ล้านบาทในปี 2556 เหลือ 5,162 ล้านบาทในปี 2557 อย่างไรก็ตาม การขาดทุนจากสต็อกน้ำมันไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทเนื่องจากบริษัทมีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง โครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย ณ สิ้นปี 2557 บริษัทมีเงินกู้รวม 31,203 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ระดับ 48%
ในช่วงปี 2558-2560 สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA เกินกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปีบนสมมติฐานว่าราคาน้ำมันจะลดลงไม่มากจากระดับปัจจุบัน โดยมีปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่น 100,000-110,000 บาร์เรลต่อวัน มีค่าการกลั่นพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายส่วนทุนและการลงทุนในระหว่างปี2558-2560 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 36,000 ล้านบาท โดยประมาณ 24,500 ล้านบาทจะใช้สำหรับการลงทุนในโครงการปัจจุบันซึ่งรวมการปรับปรุงประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่น ขยายเครือข่ายธุรกิจการตลาด และเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานไบโอดีเซล ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 11,500 ล้านบาทนั้นสำรองไว้สำหรับการลงทุนใหม่ ๆ เช่น การลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โรงไฟฟ้า และโรงงานเอทานอล ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจาก EBITDA และแผนการลงทุนแล้ว คาดว่าสัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงที่มีการลงทุนใหม่ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสัดส่วนนี้จะอยู่ในระดับไม่เกิน 50% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP)อันดับเครดิตองค์กร: A-อันดับเครดิตตราสารหนี้:BCP174A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-BCP194A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A-BCP194B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A-BCP214A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-BCP224A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-BCP244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2573 A-แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit