นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) (AECS) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้คาดว่าดัชนียังคงแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,500-1,540 จุด เพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ในต่างประเทศ ทั้งในส่วนของผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มกราคม โดยตลาดจับตาว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบผ่านมาตรการ QE และผลการเลือกตั้งกรีซในวันที่ 25 มกราคมนี้
“การประกาศมาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรป จะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาด โดยเราประเมินไว้ 2 กรณีคือในกรณีที่ดีที่สุด (มีความเป็นไปได้ประมาณ 40%) ซึ่งหาก ECB ประกาศทำ QE 5 แสนล้านยูโร และออกมาตรการเสริม คาดว่า SET จะสามารถผ่าน 1,550 จุดกลับไปที่ 1,600 จุดได้ และอีกกรณี (มีความเป็นไปได้ 60%) คือ หาก ECB ประกาศทำ QE ต่ำกว่า 5 แสนล้านยูโรหรือยังชะลอการตัดสินใจ หากเป็นดังนี้ SET จะมีโอกาสร่วงไปทดสอบที่ 1,450 จุด+/- ได้” นายเกรียงไกร กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ แนะจับตา Safe Haven ของตลาดหุ้นไทย ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล การเปิดสาขาโรงพยาบาลยังเติบโตตามเป้าหมาย,อุตสาหกรรมไทยที่มีความเข้มแข็งเหนือเพื่อนบ้านในกรณีเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ,กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และราคาน้ำมันที่ลดลง,ผลการดำเนินงานกลุ่มฟื้นตัว 15% สูงกว่า SET จากฐานต่ำ โดยหุ้นเด่น คือ BGH,BH และ CHG
PSL ซึ่งที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลดลง 50% เปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานที่ลดลง 25% ราคาอยู่ใกล้บริเวณ จุดต่ำสุด ของ PBV (0.9 เท่า) ค่าระวางเรือฟื้นตัวในเดือนกุมภาพันธ์
กลุ่มธนาคาร ซึ่งผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/57 ไม่โดดเด่นและมีความเสี่ยงจากการตั้งสำรอง ,Valuation ด้านปัจจัยพื้นฐานมี Upside แต่ยังไม่ใช่จุดที่ดึงดูดเม็ดเงิน ,เป็น Candidate Top NVDR Sell กรณีที่ตลาดปรับตัวลง
หุ้นที่เป็น Candidate การซื้อกลับและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ SAWAD,SAMART,UNIQ,BJCHI,SRICHA,BKD และ JSP
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit