กระทรวงพลังงาน เผย 2 มาตรการสำคัญที่จะสามารถช่วยดูดซับปริมาณ
น้ำมันปาล์มดิบที่ล้นตลาด และจะทำให้
ราคาน้ำมันปาล์มดิบมีเสถียรภาพสูงขึ้น ได้แก่ ปรับสัดส่วน
ไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเป็นร้อยละ 7 และ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยใช้น้ำมันปาล์มดิบผสมกับน้ำมันเตา ในสัดส่วนร้อยละ 20 ที่โรงไฟฟ้ากระบี่ คาดว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้ประมาณ 7,500 ตัน/สัปดาห์นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากตัวเลขสถานการณ์ผลผลิตปาล์ม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 เป็นต้นไป จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มสูงขึ้นมาก ส่งผลให้ราคาผลปาล์มและน้ำมันปาล์มดิบในประเทศมีแนวโน้มลดลง และมีการคาดการณ์ว่าจะมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบของประเทศคงเหลือ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 อยู่ที่ประมาณ 170,093 ตัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชาวสวนปาล์ม กระทรวงพลังงานจึงได้ร่วมกันหาทางออกให้กับพี่น้องชาวสวนปาล์มด้วย 2 มาตรการสำคัญที่จะสามารถช่วยเหลือด้วยวิธีการดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นตลาดอยู่ในปัจจุบัน เพื่อทำให้ราคาน้ำมัน ปาล์มดิบมีเสถียรภาพสูงขึ้น ได้แก่
1. ได้มอบนโยบายให้กรมธุรกิจพลังงาน ดำเนินการไปแล้ว คือ การปรับเพิ่มสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3.5 เป็นไม่สูงกว่าร้อยละ 7 ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2558 เป็นต้นไป โดยการปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลจากร้อยละ 3.5 เป็นร้อยละ 6 จะช่วยซับน้ำมันปาล์มดิบได้ประมาณ 6,500 ตัน/สัปดาห์
2. ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.ใช้น้ำมันปาล์มดิบที่โรงไฟฟ้ากระบี่ขนาด 300 เมกะวัตต์ โดยนำไปผสมกับน้ำมันเตาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในสัดส่วนร้อยละ 20 ซึ่งปริมาณรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มเติมได้อีก 1,000 ตัน/สัปดาห์
“จะเห็นได้ว่า จากมาตรการที่กระทรวงพลังงานหาทางออกให้กับผู้ผลิตปาล์มทั้ง 2 แนวทางนั้น จะสามารถช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นตลาดอยู่ ณ ตอนนี้ได้ถึง 7,500 ตัน/สัปดาห์ ซึ่งสามารถช่วยลดผลกระทบให้กับเกษตรได้อีกส่วนหนึ่ง โดยในระยะยาวกระทรวงพลังงานจะแนวทางช่วยเหลือต่อไป” นายอารีพงศ์ กล่าว