“ในปีนี้ บริษัทได้จัดสรรงบลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตอาหารแปรรูป 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างโรงงานในปีนี้และแล้วเสร็จปี 2559 โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าธุรกิจอาหารสำเร็จรูปจะโตขึ้นร้อยละ 30 เนื่องจาก ธุรกิจการส่งออกอาหารสำเร็จรูปของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ประกอบกับคนเวียดนามเองบริโภคอาหารนอกบ้านและอาหารสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจาก การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของสังคมเมืองของเวียดนามเอง ประชากรมีความรู้และรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจของเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ซี.พี.เวียดนามมีธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ทั้งสัตว์บก และสัตว์น้ำที่เราดำเนินธุรกิจอยู่แล้วกว่า 20 ปีแล้วด้วย และปัจจุบันมีโรงงานแปรรูปอาหารเนื้อหมูและไก่ 2 แห่ง และสัตวน้ำ 3 แห่ง รวมทั้งยังมีร้านค้าหรือช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตัวเองในรูปแบบซุ้มห้าดาว ร้านซีพีเฟรชมาร์ท และร้านซีพีช็อปเป็นตู้เย็นชุมชนทั่วประเทศอีกด้วย ดังนั้น เราจึงมีความพร้อมที่จะขยายเข้าสู่ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปอย่างเต็มรูปแบบ” นายมนตรีกล่าว
ในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ซีพี เวียดนามมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งเป็นกลยุทธ์ในกระจายสินค้าอาหารสำเร็จรูปของบริษัท นอกเหนือจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปไปที่โมเดิร์นเทรด และธุรกิจร้านอาหาร โดยตั้งเป้าในสิ้นปี 2558 ซีพีเวียดนามจะมีซุ้มห้าดาวเพิ่มเป็น 1,200 สาขาทั่วประเทศเวียดนาม จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 600 สาขา ส่วนร้านซีพีเฟรชมาร์ทในสิ้นปีนี้จะมี 20 สาขาซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองใหญ่ ได้แก่ โฮจิมินซิตี้ ฮานอย และดานัง ส่วนร้านซีพีช็อป หรือตู้เย็นชุมชนในปีนี้จะขยายเพิ่มเป็น 300 ร้านภายในสิ้นปี
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเลี้ยงหมู ยังมีโอกาสพัฒนาเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากความต้องการบริโภคหมูของเวียดนามสูงถึง 47 ล้านตัวต่อปี ขณะที่ ซีพีเวียดนาม ถือเป็นผู้ผลิตเชิงอุตสาหกรรมรายใหญ่อันดับ 1 ของเวียดนาม มีกำลังผลิตเพียง 3.9 ล้านตัวต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของประเทศเท่านั้น
สำหรับผลประกอบการ ในปี 2558 ซี.พี.เวียดนามคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือโตขึ้นร้อยละ 15 จากปี 2557 ซึ่งมียอดขายประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 64,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปี 2556 ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95 เป็นยอดขายจากในประเทศเวียดนาม ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการส่งออก
“ทิศทางตลาดของเวียดนามกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมีผู้ผลิตมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจปรับตัวให้ทันกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซีพี เวียดนามมองว่าเป็นโอกาสของบริษัท ในการสร้างความเชื่อมั่นถึงคุณภาพและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์อาหารภายใต้แบรนด์ “ซีพี” มากยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องของการผลิตอาหารสะอาดและปลอดภัย มีคุณภาพสูงทั้งด้านคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติ ด้วยต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต ซึ่งเป็นจุดแข็งของที่ช่วยให้ผู้บริโภคเวียดนามเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้ามากยิ่งขึ้น” นายมนตรีกล่าว
นายมนตรี กล่าวต่ออีกว่า เพื่อรองรับธุรกิจที่จะขยายตัวในระยะยาว ซี.พี.เวียดนามยังได้เตรียมความพร้อมในเรื่องบุคลากร ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างการเติบโตของธุรกิจ ทั้งเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์ พนักงานและผู้บริหารที่เป็นชาวเวียดนามซึ่งผ่านการถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญจากไทย การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบและหลักปฏิบัติที่ดี เพื่อนำไปสู่การผลิตอาหารของเวียดนามได้มาตรฐานสูงระดับโลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นับตั้งแต่ ซีพี เวียดนาม เข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนามในปี 2531 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ขยายการดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนามเต็มรูปแบบ ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรเช่นเดียวกับในประเทศไทย ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ การผลิตอาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์และเลี้ยงสัตว์ ถึงการแปรรูปเนื้อสัตว์ และอาหารสำเร็จรูป และยังมีธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร ได้แก่ ธุรกิจห้าดาว ร้านซีพีเฟรชมาร์ท และซีพีช็อป หรือตู้เย็นชุมชน โดยได้ลงทุนไปแล้วประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit