โครงการ “ มหาศุภนิมิตมงคล พระบรมสารีริกธาตุ” จัดขึ้นระหว่าง ๓ เมษายน – ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ รวม ๓๒ วัน ณ. วัดไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นกิจกรรมส่งเสริมพระพุทศาสนาที่เกิดขึ้นจากมหาศรัทธาของปวงชนชาวไทยที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด บรรยากาศภายในงานรายล้อมด้วยกิจกรรมปฏิบัติบูชาและกิจกรรมถวายสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ประกอบด้วย
พระวัสกดุเว มหินทวังสะ มหานายกเถระ ประมุขสงฆ์ของอมรปุรนิกาย แห่งวัดทีปทุตตมาราม นับเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในนครโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อัญเชิญมาประดิษฐานยังบรมบรรพต ภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มาประดิษฐานยังวัดนายโรง เป็นการถาวร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสร่วมถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ในการเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และประเทศชาติ โดยจะมีพิธีอัญเชิญมาพระบรมสารีริกธาตุจากศรีลังกามายังประเทศไทย และประดิษฐานเป็นการถาวร ณ.วัดไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธุ์ โดยการประสานงานผ่าน คุณอภินิตา ไชยชนะ ประธานดำเนินงาน โครงการ"มหาศุภนิมิตมงคล พระบรมสารีริกธาตุ ณ.คาบสมุทรสุวรรณภูมิ" คุณอภินิตา ไชยชนะ ประธานดำเนินงาน ยังกล่าวอีกว่า รู้สึกยินดี ที่ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ และเป็นครั้งที่ 2 ที่ขออัญเชิญมาประดิษฐานถาวร ณ.ประเทศไทย ถึงสองครั้งแล้ว ครั้งแรก ณ.วัดนายโรง กรุงเทพฯ และครั้งที่สอง ณ.วัดไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธุ์ และมีความเชื่อ ว่า ถ้ามีพลังพุทธบารมีได้มาประดิษฐานเป็นการถาวรตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อปกปักษ์คุ้มครองภัยพิบัติธรรมชาติ และปัญหาทางภาคใต้นั้นรุนแรงมาก เธอยังมีความเชื่ออีกว่า สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาในเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ,ภัยพิบัติเรื่องโรคภัย และอื่นๆได้อีกด้วย ถือเป็นการส่งเสริมพลังพุทธบารมีเพื่อปกปักษ์คุ้มครองประเทศไทย และให้ชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธุ์ พบเจอแต่ความเป็นสิริมงคล ความร่มเย็น และความผาสุกของชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธุ์ และยังเชื่ออีกว่า พลังพุทธบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จะปกป้องคุ้มครองประเทศไทย ปกป้องพ่อหลวง และปกป้องพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดไป
พระบรมสารีริกธาตุ ที่ประมุขสงฆ์อมรปุรนิกาย จะถวายมาประดิษฐานยังประเทศไทยนั้น เป็นชุดเดียวที่นายวิลเลียม แคลกซ์ตัน เปปเป นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ได้ขุดพบ เมื่อปี 2440 และได้มีจารึก การบรรจุไว้ว่า เป็นของตระกูลศากยราช อุทิศถวายไว้ ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุนี้ ถือเป็น 1 ใน 8 ส่วน ที่เจ้าศากยะ ได้รับแบ่งไว้หลังถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า และรัฐบาลอินเดีย เห็นว่า ควรมอบพระบรมสารีริกธาตุนี้ คืนให้แก่ชาวพุทธ ในขณะนั้นมีเพียงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงนับถือพระพุทธศาสนา และขอให้พระองค์แบ่งบางส่วนให้แก่ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาด้วย โดยมี พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ อดีตราชทูตสยามประจำ 11 ประเทศในยุโรป เมื่อครั้งทรงผนวชเป็นสังฆนายกแห่งนครโคลัมโบของนิกายรามัญและอมรปุระ และเป็นเจ้าอาวาสวัดทีปทุตตมาราม ประเทศศรีลังกา ทำหน้าที่ประสานงานในการรับพระบรมสารีริกธาตุระหว่างรัฐบาลอินเดียและรัฐบาลสยาม เพื่ออัญเชิญมาประดิษฐานยังวัดสระเกศ ซึ่งส่วนหนึ่งพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่ วัดทีปทุตตมาราม เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกาและทั่วโลกได้มาสักการะ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นวัดสำคัญของศรีลังกา และพระบรมวงศานุวงศ์ และบุคคลสำคัญของไทยได้เสด็จพระราชดำเนินไปหลายครั้ง โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดนี้ถึง 2 ครั้งเมื่อปี 2482 และปี 2493
คุณอภินิตา ไชยชนะ ประธานดำเนินงาน โครงการ “ มหาศุภนิมิตมงคล พระบรมสารีริกธาตุ” ได้กล่าว ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมโครงการ“ มหาศุภนิมิตมงคล พระบรมสารีริกธาตุ ณ.คาบสมุทรสุวรรณภูมิ” และเป็นการประดิษฐานเป็นการถาวร เพื่อปฏิบัติบูชากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ สร้างมหากุศลน้อมถวายสักการะบูชาส่งเสริมพุทธบารมีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และน้อมเกล้าถวายพระพรแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ในปีมหามงคลนี้ เพื่อหลอมรวมพลังศรัทธาในการทำบุญมหามงคลครั้งยิ่งใหญ่นี้บังเกิดแก่ท่านและประเทศไทย ในการเข้าร่วมงานที่สุดในประวัติศาสตร์สุดยอดมหามงคลครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน ณ.วัดไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธุ์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit