นายสมปอง อินทร์ทอง รองปลัดกระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ เปิดเผยว่า “ตามที่
คณะรัฐมนตรีได้ประชุมเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2558 ลงมติอนุมัติให้ดำเนิน
โครงการสร้างรายได้และ
พัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อ
บรรเทาปัญหาภัยแล้ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้มีการประชุม เพื่อพิจารณาโครงการในทุกๆ สัปดาห์ รวมทั้งหมด 6 ครั้ง เสร็จสิ้นการพิจารณาโครงการตามแผนที่คาดไว้ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ เป็นการสรุปผลการดำเนินงานของโครงการฯ โดยทุกตำบลที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมายได้เสนอโครงการเข้ามาให้คณะกรรมการพิจารณาหมดแล้ว จำนวน 6,598 โครงการ งบประมาณ 3,004.513 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 98.48% ขณะนี้คณะกรรมการฯ ระดับกระทรวงได้พิจารณาครบทุกโครงการและดำเนินการเสนอไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อทยอยพิจารณาอนุมัติงบประมาณลงสู่พื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้โอนจัดสรรงบประมาณให้กับสำนักงานเกษตรจังหวัดแล้วจำนวน 58 จังหวัด 5,227 โครงการ วงเงิน 2,543.122 ล้านบาท คิดเป็น 84.64% ส่วนงบประมาณที่เหลือประมาณ 461 ล้านบาท คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน เม.ย.นี้ และเมื่องบประมาณลงไปถึงมือ
เกษตรกรแล้ว ทางคณะกรรมการโครงการฯ จะมีการติดตามความคืบหน้าและประเมินผลอย่างใกล้ชิด”
นายสมปอง กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับพื้นที่ที่ไม่เสนอโครงการมีทั้งหมด 7 ตำบล ได้แก่ 1. ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร 2. ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร 3. ตำบลสำนักบก อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี 4. ตำบลพระพุทธบาท อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 5. ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 6. ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 7. ตำบลท่าตูม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี สาเหตุที่ไม่เสนอโครงการเนื่องมาจากพบปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตร และเกษตรกรในพื้นที่ได้พิจารณาแล้วว่าไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง จึงไม่เสนอโครงการเข้ารับการสนับสนุนตามมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว หลังจากที่คณะกรรมการโครงการฯ ได้เสนอให้ทบทวนหลายครั้งแล้ว”
“สำหรับการดำเนินการภายหลังจากที่ได้โอนงบประมาณจนครบแล้ว ในส่วนของการดูแลเกษตรกร จะพิจารณาว่าเป็นโครงการที่มีความต่อเนื่องหรือไม่ หากเป็นโครงการที่ทำต่อเนื่องแล้วรัฐพิจารณาเห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็สามารถขอรับการสนับสนุนหรือความช่วยเหลือจากภาครัฐต่อได้” นายสมปอง กล่าว