“ก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันนะคะ ที่ได้ฉีกบท ฉีกแนว อย่างเรื่องผีห่าอโยธยาเป็นแนวย้อนยุคมาในสมัยอยุธยา ซึ่งจริงๆ แล้วอยากลองเล่นพีเรียดแบบนี้มานานแล้ว ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดี ความเป็นหนังผีที่เป็นแบบไทยๆ เรื่องนี้ก็น่าสนใจเพราเราต้องเล่นเป็นนางคณิกา คือเหมือนเป็นนางโลมในโรงชำเราชาย หน้าตาสะสวยแต่เป็นใบ้หูหนวก ต้องสื่อสารด้วยสายตาอย่างเดียว ข้อดีคืออีพลอยจะเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเป็นกรด เรียนรู้ในการเอาตัวรอดได้เก่ง ช่างสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างทุกเหตุการณ์ด้วยดวงตาล้วนๆ อย่างเดียวเลย มันเป็นอะไรที่ท้าทายแล้วก็ยาก ไม่ได้แต่งสวยอีกแล้ว ก็อาจจะมีฉากสวยนิดหน่อย นอกนั้นก็คือมอมแมมอย่างที่เห็น แล้วก็เลือดสาดเปียกโชกกันทั้งเรื่องค่ะ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฉากวิ่งหนีผีห่าเอาตัวรอด หนีกลัว หนีตาย หนีออกจากที่เราไม่อยากจะอยู่ และด้วยความที่เป็นหนังผี ทำให้งานนี้สาวแม็กกี้เลยต้องออกมาวิ่งหนีผีกันตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินไปจนถึงเช้ากันเลยทีเดียว
“ช่วงถ่ายทำหนังผีเรื่องนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในตอนกลางคืน เราก็เลยต้องถ่ายกันตั้งแต่เย็นค่ะ สตาร์ท 6 โมงเย็นยัน 6 โมงเช้า ก็เปลี่ยนเวลานอนเหมือนกันค่ะ กลางวันเราก็นอนไม่หลับ กลางคืนเราก็ต้องทำงาน ต้องมีสโมค วิ่งหนีผีจริงแล้วก็จะต้องเปียกมอมแมม เดี๋ยวต้องมาม็อกอัพตัวฉีดเลือด ฉีดเหงื่ออะไรกันจริงแต่ไอ้เรื่องบู๊จะมีน้อยหน่อย ไม่ต้องจับดาบโชคดีหน่อย แต่ว่าต้องเล่นยากกว่าคนอื่นในเรื่องอินเนอร์ความรู้สึก แล้วก็ประสาทสัมผัส ตา หู จมูก ปาก จะเน้นมาทางด้านนี้มากกว่า คือตัวอีพลอยก็ต้องแสดงความรู้สึกผ่านทางสายตาอย่างเดียวเลยแล้วก็ค่อนข้างที่จะต้องให้ชัดและหนักมากจะเน้นในเรื่องของอารมณ์”
เตรียมพบกับอีกหนึ่งการแสดงที่เรียกได้ว่าท้าทายสุดชีวิตของสาวแม็กกี้ในบทคณิกาสาวหน้าหวานที่ต้องเอาตัวรอดจากอุบัติผีห่ารุมกัดกลืนกินให้ได้ 14 พ.ค. ไปร่วมระทึกเลือดสาดลุ้นว่าใครจะรอดใครจะตายได้ใน “ผีห่าอโยธยา” ทุกโรงภาพยนตร์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit