พีเอสทีซี โชว์กำไรรอบปี 57 พุ่ง 169.43% ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.0074 บาทต่อหุ้น ประกาศเดินหน้ารุกโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศ

09 Mar 2015
บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี หรือ PSTC โชว์ผลการดำเนินงานปี 57 ทำกำไรพุ่ง 169.43% หลังได้รับแรงหนุนจากการดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนและการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ด้านบอร์ดฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.0074 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผู้บริหารเปิดแผนปี 58 เล็งร่วมทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว พร้อมขยายฐานธุรกิจไปในกลุ่มประเทศ AEC แถมโชว์มูลค่างานในมือธุรกิจออกแบบ จำหน่ายและติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าและตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อมมากกว่า 400 ล้านบาท

นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC ผู้นำธุรกิจบริหารจัดการระบบไฟฟ้าและพลังงานแบบครบวงจรในประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2557 (มกราคม-ธันวาคม) บริษัทฯ มีรายได้รวม 448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 444.48 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 38.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 169.43% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14.33 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีมาจากปัจจัยที่บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากรุกขยายธุรกิจพลังงานทดแทนที่สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในโครงการต่างๆ ได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกัน ยังมีรายได้เพิ่มจากการรับจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่สูงขึ้น โดยสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนดำเนินงานได้ดี ทำให้ความสามารถทำกำไรของบริษัทฯ ดีขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีกำไรพิเศษจากการขายกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จังหวัดมหาสารคามอีก 20.30 ล้านบาท จึงทำให้กำไรสุทธิโดยรวมของบริษัทฯ ในปี 2557 เติบโตอย่างก้าวกระโดด

“ในปี 2557 เรามีความสามารถทำกำไรที่ดีจากการจำหน่ายไฟฟ้าและธุรกิจออกแบบ จำหน่ายและติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าและตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อมที่เติบโตได้ดี ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.0074 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 16 มีนาคม 2558 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 นี้” นายพระนาย กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSTC กล่าวว่า ส่วนแผนดำเนินงานในปี 2558 บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการรุกธุรกิจพลังงานทดแทนมากขึ้น โดยยื่นขอให้ภาครัฐพิจารณารับซื้อไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าจากขยะ ในรูปแบบ Feed-in-Tariff หรือ FiT ซึ่งล่าสุด บริษัทฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการบริหารจัดการขยะ จำนวน 500 ตัน ต่อวัน กับ อบจ. อุบลราชธานีเรียบร้อยแล้วและขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นแบบคำขอ FiT ซึ่งคาดว่าภายหลังจากที่ภาครัฐพิจารณาตอบรับแล้วจะดำเนินก่อสร้างโรงไฟฟ้าต่อไป

พร้อมกันนี้จะศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่างๆ ที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว รวมถึงยังมีแผนศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกลุ่มประเทศ AEC อีกด้วย

ส่วนธุรกิจออกแบบ จำหน่ายและติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าและตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อมนั้น จะเข้าเสนองานรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานชีวมวลแก่บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว รวมถึงการซ่อมบำรุงให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ อีกด้วย โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) มากกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้บางส่วนในปีนี้ ทำให้ผลการดำเนินงานในปี 2558 มีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นมากยิ่งขึ้น