สำนักโลจิสติกส์คลิกออฟโครงการ“ปรับการจัดการโลจิสติกส์ด้วย RFID” จับมือ“เอเซนเทค”จัดเต็มเทคโนโลยี - เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย

10 Mar 2015
สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับบริษัท เอเซนเทค (ประเทศไทย) จำกัด จัดทำโครงการ“ส่งเสริมการปรับกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ด้วยการใช้เทคโนโลยี Application ระบบ RFID และ Barcode” เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยี RFID และ Barcode มาใช้ในการจัดการโลจิสติกส์ภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการโดยมีผู้ประกอบการกว่า 100 รายร่วมในงาน พร้อมปาฐกถาพิเศษเรื่อง “สำนักโลจิสติกส์กับการส่งเสริมการใช้ RFID ในยุค Digital Economy”
สำนักโลจิสติกส์คลิกออฟโครงการ“ปรับการจัดการโลจิสติกส์ด้วย RFID” จับมือ“เอเซนเทค”จัดเต็มเทคโนโลยี - เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย

นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังการเปิดโครงการ “ ส่งเสริมการปรับกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ด้วยการใช้เทคโนโลยี Application ระบบ RFID และ Barcode ” ณ ห้องอโนมา โรงแรมอโนมา ราชดำริ ว่า สำนักโลจิสติกส์เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาส่งเสริมระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรมตลอดโซ่อุปทาน โดยการเสนอแนะนโยบายและแผนงานในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม ดำเนินการพัฒนาส่งเสริมระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงตลอดโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเป้าหมาย จัดทำมาตรฐานและตัวชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์อุตสาหกรรม สร้างองค์ความรู้และพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน และเป็นศูนย์กลางข้อมูลโลจิสติกส์อุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย โดยดำเนินงานตามแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม (พ.ศ.2555-2559) ใน 3 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (1) ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม (2) ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม และ (3) ยุทธศาสตร์การสนับสนุนการสร้างปัจจัยเอื้อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย สำหรับการเปิดโครงการในวันนี้จึงถือเป็นบทบาทหนึ่งตามยุทธศาสตร์การพัฒนาดังกล่าว โดยเน้นให้ผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้สำนักโลจิสติกส์ได้มอบหมายให้บริษัท เอเซนเทค (ประเทศไทย) จำกัด จัดทำโครงการ สำหรับกิจกรรมเปิดโครงการในวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะมีผู้สนใจร่วมสัมมนาเกินความคาดหมาย และที่สำคัญมีผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการเกินจำนวนที่ตั้งไว้

“โครงการส่งเสริมการปรับกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ด้วยการใช้เทคโนโลยี Application ระบบ RFID และ Barcode จะเริ่มตั้งแต่การศึกษาข้อมูลของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จนถึงการนำเทคโนโลยี Application ระบบ RFID และ Barcode ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานประกอบการแต่ละแห่ง รวมทั้งพัฒนาบุคคลากรในสถานประการ เพื่อให้บุคคลากรนั้นๆเกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญและประโยชน์ที่จะได้รับจากเทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อให้เกิดการใช้เทคโนโลยีอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยสำนักโลจิสติกส์เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณตลอดโครงการ ระยะเวลาในการจัดทำโครงการ 240 วัน เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 ถึงเดือนกรกฏาคม 2558 ปัจจุบันโครงการดำเนินงานไปตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการตอบรับจากผู้ประกอบการซึ่งเกินความคาดหมาย แสดงให้เห็นว่าแนวทางที่สำนักโลจิสติดส์วางไว้มีความเหมาะสม ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของผู้ประกอบการและอาจทำให้เกิดการวางแผนจัดทำโครงการต่อเนื่องในอนาคต ” ผู้อำนวยการสำนักโลจิสติกส์กล่าว

นายกำพล โชคสุนทสุทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท เอแซนเทค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในฐานะผู้ร่วมดำเนินโครงการว่าระบบ RFID มีความสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจเป็นอย่างมาก แม้ว่าในอดีตบทบาทของ RFID จะอยู่ที่การจัดการด้านโลจิสติกส์ แต่ในปัจจุบัน RFID มีการพัฒนาจนสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้ทุกประเภท โดยกรอบของการประยุกต์ใช้จะอยู่ที่การจัดเก็บข้อมูล การบันทึกข้อมูลปริมาณมากต่อเนื่อง การติดตามผลการทำงานและการนำผลที่เกิดขึ้นมาประมวลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทางธุรกิจ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันระบบถูกพัฒนาให้ผู้ใช้มีความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล มีฟังก์ชั่นในการทำงานมากขึ้น แต่มีต้นทุนในการพัฒนาระบบต่ำลง การที่สำนักโลจิสติกส์จัดทำโครงการนี้ขึ้น จึงสะท้อนให้ผู้ประกอบการเห็นมุมมองสำคัญ 2 ด้าน ด้านแรกคือระบบ RFID สามารถมาประยุกต์ใช้ได้กับทุกธุรกิจ ด้านที่สองคือความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีโดยคนไทย ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการในการใช้ระบบ RFID ต่ำลง จนสามารถนำต้นทุนนี้มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสู่การแข่งขันในระดับภูมิภาคและในระดับนานาชาติได้

นายกำพลกล่าวถึงจุดเด่นของโครงการว่า คือการเลือกผู้ประกอบการที่มีลักษณะธุรกิจแตกต่างกันเข้าร่วมโครงการ การแยกประเภทธุรกิจชัดเจน ทำให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของระบบ RFID ในการตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพของธุรกิจ เพราะแต่ละธุรกิจจะมีจุดแข็งและจุดอ่อนในการทำงานแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต ด้านการประมวลผลข้อมูล ด้านการจัดเก็บสินค้า ด้านการนำส่งสินค้า หรือด้านความปลอดภัย ฯลฯ ความเชี่ยวชาญของเอเซนเทคคือความเชี่ยวชาญในการตอบโจทย์ความหลากหลายของธุรกิจ เราใช้ประสบการณ์ 18 ปีสร้างความสามารถในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้ประกอบการได้ตรงจุด ความเป็นบริษัทคนไทยที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของผู้ประกอบการ โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นบริษัทชั้นนำของโลกให้การสนับสนุนทั้งเทคโนโลยีและอุปกรณ์ สำหรับผู้ประกอบการรายใดที่สนใจการใช้เทคโนโลยี Application ระบบ RFID สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โทร. 02-743-2533