ทียูเอฟ รายงานผลประกอบการไตรมาสสี่ และผลประกอบการปี 2557 สร้างสถิติใหม่สูงสุด

06 Mar 2015
ยอดขายรวมของกลุ่มทียูเอฟตลอดปี 2557 สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 121.4 พันล้านบาท เติบโต 7.6 เปอร์เซนต์

กำไรสุทธิประจำปีสูงสุดที่ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.5 เปอร์เซนต์ จากเดิม 2.85 พันล้านบาทในปี 2556

กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.099 บาท เพิ่มขึ้น 76.7 เปอร์เซนต์ ในปี 2557

กำไรสุทธิก่อนหักดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น 39.8 เปอร์เซนต์ ในปี 2557

ทียูเอฟประกาศการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท

ทียูเอฟ คาดผลประกอบการดีต่อเนื่องด้วยเป้ายอดขายที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2558 นี้

บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ รายงานผลประกอบการดีเด่นประจำไตรมาสที่สี่และประจำปี 2557 โดยมียอดขายรวมของกลุ่มทียูเอฟตลอดปี 2557 สูงสุด 121.4 พันล้านบาท หรือ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นผลประกอบการดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีกครั้ง โดยยอดขายสูงสุดเป็นผลมาจากการเข้ามาของเมอร์อไลอันซ์ และคิงออสการ์ ซึงทียูเอฟได้เข้าซื้อกิจการดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 นอกจากนี้ยังมีกำไรสุทธิประจำปีอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.5 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับปีก่อน การขยายตัวของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของรายได้ในทุกหน่วยธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจปลาทูน่า

ทียูเอฟ รายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมของปี 2557 นี้ เพิ่มขึ้น 39.8 เปอร์เซนต์ และมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.099 บาท เพิ่มขึ้น 76.7 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ผลประกอบการไตรมาสสี่ มียอดขายเพิ่มขึ้น 7.7 เปอร์เซนต์ อันเป็นผลมาจากการดำเนินการในหลายมาตรการของบริษัทฯ ได้แก่ การริเริ่มกลยุทธ์ในธุรกิจผลิตภัณฑ์แบรนด์ การปรับปรุงผลิตภาพเพื่อความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงผลบวกจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นจากการเข้ามาของเมอร์อไลอันซ์ และ

คิงออสการ์ โดยทียูเอฟ มียอดขายประจำไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย ที่ 32.8 พันล้านบาทหรือที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 30.8 พันล้านบาท

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ผู้นำและเชี่ยวชาญด้านอาหารทะเล และผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋องอันดับหนึ่งของโลก กล่าวว่า ถือเป็นอีกปีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทียูเอฟทั้งเรื่องกำไรสุทธิและยอดขายรวมสูงสุด ผลประกอบการปี 2557 บ่งชี้การเติบโตที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากหมวดหมู่แบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ และประสิทธิภาพการจัดการด้านต้นทุน การดำเนินการเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งสำคัญควบคู่ไปกับการยกระดับการคัดสรรวัตถุดิบ การผสานร่วมกันทั้งด้านการผลิตและการตลาดกับบริษัทใหม่ที่เข้ามาอย่าง เมอร์อไลอันซ์ และคิงออสการ์ ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลในเวลาอีกไม่นาน ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะขับเคลื่อนผลการดำเนินงานและการเติบโตที่แข็งแกร่ง”

ภาพรวมสัดส่วนรายได้ของ 6 กลุ่มธุรกิจแบ่งตามผลิตภัณฑ์หลักของทียูเอฟของปี 2557 มีผลงานโดดเด่นดังนี้ กลุ่มธุรกิจปลาทูน่ามีสัดส่วนรายได้เท่ากับ 44 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง 24 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 7 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรล 5 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาแซลมอน 5 เปอร์เซนต์ และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ 15 เปอร์เซนต์ ขณะที่สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจทียูเอฟ ประจำปี 2557 โดยแบ่งตามตลาดมีดังนี้ สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วน 44 เปอร์เซนต์ ยุโรป 29 เปอร์เซนต์ ตลาดในประเทศ 7 เปอร์เซนต์ ญี่ปุ่น 7 เปอร์เซนต์ และตลาดอื่นๆ รวม 13 เปอร์เซนต์

บริษัทฯ มีผลกำไรที่โดดเด่นในกลุ่มธุรกิจปลาทูน่า นอกจากนี้ผลประกอบการที่น่าพอใจมาจากการเติบโตของกำไรสุทธิในธุรกิจปลาแซลมอน อันเป็นผลมาจากการรวมกิจการของเมอร์อไลอันซ์ และในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของล็อบสเตอร์ ซึ่งดำเนินงานโดยชิคเก้นออฟเดอะซี โฟรเซ่น ฟู้ด บริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกา

ผลจากการดำเนินการที่โดดเด่นในปี 2557 ทำให้ภาพรวมธุรกิจของทียูเอฟในปี 2558 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นายธีรพงศ์ กล่าวต่อ “ธุรกิจเรามีแนวโน้มที่ดีต่อไปในปีนี้ โดยเราจะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในตลาดต่างๆ ทั่วโลก ด้วยการนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยม และบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนการลงทุนอันโดดเด่นแก่ผู้ถือหุ้นและทียูเอฟ เพื่อสร้างการเติบโตให้ต่อเนื่องต่อไป”

เป้าหมายยอดขายรวมของบริษัทฯ ประจำปี 2558 นี้อยู่ที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีโอกาสจากการเจริญเติบโตที่มาจากภายในธุรกิจหลักของบริษัท และการมุ่งเน้นที่กลยุทธ์การรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวของธุรกิจ “การที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้ เราต้องดำเนินการด้วยการรักษาระเบียบวินัยทางการเงิน ในขณะเดียวกันก็ต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง การสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อผู้บริโภค และที่สำคัญมากคือการยึดมั่นแนวทางความยั่งยืนในการดำเนินการทุกหน่วยธุรกิจ” นายธีรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติม

“ทียูเอฟ ได้ประกาศการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการจ่ายเงินปันผลเกิน 50 เปอร์เซนต์ของกำไรสุทธิ และช่วยยืนยันเจตนารมย์อันแน่วแน่ของฝ่ายบริหารในการดำเนินนโยบายกระจายเงินปันผลที่แข็งแกร่ง เราปรารถนาให้ผู้ถือหุ้นของเรามีส่วนร่วมกับการเติบโตสูงสุดของธุรกิจเรา”

“หลังจากที่เรามุ่งเน้นการเติบโตด้วยการควบรวมกิจการในไตรมาสที่ผ่านมา ปีนี้เราจะให้ความสำคัญกับความเป็นเลิศในการปฏิบัติการ การผลักดันการเติบโตที่มาจากธุรกิจหลักของบริษัทฯ และการรวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในทุกหน่วยธุรกิจของเรา” นายธีรพงศ์ กล่าวสรุป