นายพลพัฒ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนาวรัตน์พัฒนาการ เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของประเทศที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ด้วยการนำเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้ในงานก่อสร้าง ปัจจุบันเนาวรัตน์พัฒนาการ มีธุรกิจหลัก 3 ส่วน ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจผลิตเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงและผลิตภัณฑ์คอนกรีต กลุ่มธุรกิจเหล็กแปรรูป จากประสบการณ์ในด้านการก่อสร้างที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกธุรกิจบนพื้นฐานของการดำรงชีวิตซึ่งมีการเติบโตค่อนข้างสูงและต่อเนื่องในปัจจุบัน ทั้งยังสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่ดี ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทในการนำจุดแข็งของการก่อสร้างมาต่อยอด และสร้างโอกาสทางธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ให้กับบริษัทอีกทางหนึ่ง
ด้านนายปสันน สวัสดิ์บุรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด กล่าวว่า บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท (ชำระเต็ม) โดยทางบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ถือหุ้น 99.99% ในการพัฒนาโครงการต่างๆ เราจะนำประสบการณ์เกือบ 10 ปีในการบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทีมงานรวมกับจุดเด่นในด้านการรับเหมาก่อสร้างมาใช้ ซึ่งจะทำให้เรามีจุดเด่นในเรื่องของการเข้าใจความต้องการของลูกค้า ส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพสูง ตรงตามเวลา และมีต้นทุนค่าก่อสร้างที่ต่ำ เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น
“จากการที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีการเติบโตอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความต้องการของแรงงานที่จะเข้ามาภาคก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น และภายใต้นโยบายภาครัฐในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ต่างๆ เช่น ระบบรถไฟฟ้า ยิ่งส่งผลให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานเพื่อเข้ามาก่อสร้างในภาคอสังหาริมทรัพย์ทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นหากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของตัวเอง หรือมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นพันธมิตรก็ย่อมจะมีความได้เปรียบกว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป”
นายปสันน กล่าวต่อว่า บริษัทได้แบ่งแผนการพัฒนาออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกเป็นแผนงานภายในระยะเวลา 3 ปี มีแผนที่จะพัฒนาโครงการในหลายรูปแบบ ประกอบด้วย โครงการบ้านจัดสรร ทั้งประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ โครงการอาคารชุดพักอาศัย (Condominium) โครงการอาคารสำนักงาน ให้เช่า (Office Building) และโครงการ คลังสินค้า (Warehouse) ระยะที่สองเป็นแผนระยะยาว 3-5 ปี อาจจะมีการพัฒนาโครงการประเภทอื่นๆเช่น โรงแรม Serviced Apartmentsและคอมมิวนิตี้มอลล์ ฯลฯนอกจากการวางเป้าหมายธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวแล้ว บริษัทยังวางเป้าหมายในการพัฒนาโครงการอย่างน้อยปีละ1-3 โครงการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาทต่อโครงการ เน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลักเนื่องจากเป็นชนิดโครงการที่เหมาะสมกับทำเลกรุงเทพฯ รอบนอก ส่วนโครงการแนวสูงจะลงทุนในทำเลที่มีศักยภาพและมีความมั่นใจ เช่น ใกล้แนวรถไฟฟ้า โดยมีสัดส่วนของการลงทุนดังนี้ แนวราบ 60% แนวสูง 30% และอื่นๆ 10% โดยในปี 2558 นี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการทั้งหมด 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,300 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท เน้นเจาะทำเลกรุงเทพฯ รอบนอกเป็นหลัก ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีแผนที่จะเปิดโครงการในต่างจังหวัด แต่หากในอนาคตมีที่ดินแปลงที่มีศักยภาพบริษัทก็พร้อมที่จะพิจารณาเป็นแปลงๆ ไป สำหรับ 3โครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้ บริษัทได้ซื้อที่ดินสะสมไว้แล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังมี Land bank อยู่บ้างบางส่วนซึ่งรอโอกาสเหมาะสมในการพัฒนาต่อไป
ในส่วนผลการดำเนินงานของบริษัท ในปี 2558 วางเป้ายอดขายไว้ที่ 900 ล้านบาท เติบโตปีละไม่น้อยกว่า 10% ด้านรายได้วางเป้าไว้ที่ 300 ล้านบาท จากการเริ่มโอนโครงการแรก และจะเพิ่มเป็น 650 ล้านบาทในปีหน้า จากการทยอยรับรู้รายได้เพิ่มอีก 2 โครงการที่เหลือ และประมาณ 1,200 ล้านบาทในปีต่อไป ส่วนในระยะยาวตามแผน 5 ปี บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
ด้านนายอภิชาติ รักช้าง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด กล่าวถึงการพัฒนาโครงการต่างๆ ของบริษัทว่า เราจะใช้โครงการ “บารานี” เป็นโครงการนำร่อง สำหรับโครงการ “บารานี” ได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา เริ่มจากการที่บริษัทมีความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และทีมงานของบริษัทได้มีโอกาสเข้าไปบริหารโครงการ บารานี ซึ่งพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 205 หลัง บนถนนรังสิต-คลอง 3 จึงทำให้เป็นที่รู้จักในย่านนั้น และภาพลักษณ์ของโครงการ “บารานี” ได้รับการยอมรับในเรื่องบ้านที่มีการจัดพื้นที่ใช้สอยลงตัว สวยงาม คุณภาพของการก่อสร้าง การบริการและดูแลหลังการขายที่ดี และจากการที่โครงการ บารานี เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับของลูกค้าในบริเวณนั้น ทำให้บริษัทมั่นใจจึงได้พัฒนาโครงการต่อมาคือโครงการ “วิลล่า บารานี” บนถนนรังสิต-คลอง3 และปัจจุบันก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นเดียวกันดังนั้นเมื่อบริษัทจะรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงเห็นว่าควรจะใช้ “บารานี” ที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้วมาต่อยอดและสร้างการรับรู้ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น
นายอภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการแรกที่จะเปิดตัวภายใต้การพัฒนาของบริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด คือ โครงการ “บารานี พาร์ค (BARANEE PARK) ร่มเกล้า” พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว สไตล์ Courtyard จำนวน 86 หลัง บนพื้นที่โครงการประมาณ 22 ไร่ มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “การออกแบบที่จะให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น” โดยภายนอกดูเรียบง่าย แต่สร้างลวดลายจากธรรมชาติให้กับบ้านด้วยการใช้แสงเงาของต้นไม้ที่ตกกระทบผนัง ส่วนพื้นที่ใช้สอยถูกจัดวางมาอย่างลงตัวจนเกิดเป็น Courtyard ภายในบ้าน ที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยใกล้ชิดกลมกลืนกับธรรมชาติ
ภายในโครงการถูกออกแบบให้ดูร่มรื่นด้วยสวนหย่อม และสวนส่วนกลาง ทัศนียภาพสวยงามด้วยการนำระบบไฟฟ้าลงใต้ดิน, คลับเฮ้าส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนสและ ห้อง Stream พร้อมความปลอดภัยด้วยระบบ Access Control และ Slide Gate, กล้องวงจรปิดตลอดทั้งโครงการ สะดวกสบายในการใช้ชีวิต ด้วยโครงการตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ติดถนนร่มเกล้า ใกล้แยกเจ้าคุณทหารฯ ใกล้ถนนใหญ่เดินทางได้หลายเส้นทาง ถนนมอเตอร์เวย์ ถนนรามคำแหง ถนนอ่อนนุช และถนนวงแหวนรอบนอก ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เพียง 5 นาทีจากสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ลาดกระบังโครงการ บารานี พาร์ค (ร่มเกล้า) ประกอบด้วยบ้าน 3 แบบ ได้แก่แบบ Baranee A ขนาดเนื้อที่ 55 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 190 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถแบบ Baranee B ขนาดเนื้อที่ 65 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 215 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถแบบ Baranee C ขนาดเนื้อที่ 80 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 260 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
ในราคาเริ่มต้นเพียง 8.89 ล้านบาท ทั้งนี้ทางโครงการได้เตรียมจัดงาน “Grand Opening” ระหว่างวันที่ 28 และ 29มีนาคม โดยโปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดตัวโครงการ ได้แก่ ฟรีแอร์ทุกห้องนอน, กระจก Shower ทุกห้องน้ำ, ตกแต่งสวน, สัญญาณกันขโมย, ชุดครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมส่วนลดพิเศษ 500,000 บาท ในส่วนด้านการทำตลาดและบริหารงานขายบริษัทฯ ได้มอบหมายให้ทางบริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เป็นผู้ดูแล
โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-737-7266 หรือ www.manapat.co.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit