ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-17 มีนาคม 2558 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,379 ราย ทั่วประเทศ โดยการสอบถามความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์และการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว
ผลการสำรวจ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 56.6 ทางครอบครัวมีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นประจำทุกปี ร้อยละ 28.9 ไม่ได้เสียภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง และอีกร้อยละ 14.5 ไม่แน่ใจว่าทางครอบครัวมีการเสียภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างหรือไม่
สำหรับที่ดินเพื่อการเกษตร อัตราภาษีอยู่ที่ล้านละ 500 บาท/ปี กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 47.0 เห็นด้วยกับการเก็บอัตราภาษีดังกล่าว ขณะที่เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.0 ไม่เห็นด้วย โดยเสนออัตราภาษีที่ควรเก็บในอัตราประมาณล้านละ 150 บาท/ปี ทั้งนี้เมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่ามีผู้ที่ไม่ต้องการให้เก็บภาษีร้อยละ 13.4 และ กลุ่มตัวอย่างโดยเฉลี่ยเห็นว่า หากมีการครอบครองที่ดินเพื่อการเกษตรน้อยกว่า 15-20 ไร่ ควรได้รับการงดเว้นภาษี
ที่ดินและสิ่งก่อสร้างเชิงพาณิชย์ อัตราภาษีอยู่ที่ล้านละ 2,000 บาท/ปี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 62.0 เห็นด้วยกับการเก็บอัตราภาษีดังกล่าว ส่วนอีกร้อยละ 38.0 ไม่เห็นด้วย โดยเสนออัตราภาษีที่ควรเก็บในอัตราประมาณล้านละ 580 บาท/ปี เมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่ามีผู้ที่ไม่ต้องการให้เก็บภาษีร้อยละ 3.2
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า อัตราภาษีอยู่ที่ล้านละ 2,000 บาท/ปี กลุ่มตัวอย่าง กว่าร้อยละ 56.2 เห็นด้วยกับการเก็บอัตราภาษีดังกล่าว ส่วนอีกร้อยละ 43.8 ไม่เห็นด้วย โดยเสนออัตราภาษีที่ควรเก็บในอัตราประมาณล้านละ 550 บาท/ปี เมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่ามีผู้ที่ไม่ต้องการให้เก็บภาษีร้อยละ 7.9
ที่อยู่อาศัยหรือบ้านหลังแรก ในเขต กทม.และปริมณฑล ไม่เกิน 2.5 ล้าน ไม่ต้องมีการจ่ายภาษี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 85.8 เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว ส่วนอีกร้อยละ 14.2 ไม่เห็นด้วย โดยเสนอมูลค่าของที่อยู่อาศัยหลังแรก ควรมีมูลค่าประมาณไม่เกิน 6.7 ล้านบาท จึงจะไม่ต้องเสียภาษี
ที่อยู่อาศัยหรือบ้านหลังแรก ในต่างจังหวัด ไม่เกิน 1.5 ล้านไม่ต้องมีการจ่ายภาษี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 81.9 เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว ส่วนอีกร้อยละ 18.1 ไม่เห็นด้วย โดยเสนอว่าที่อยู่อาศัยหลังแรก ควรมีมูลค่าประมาณไม่เกิน 4.9 ล้านบาท จึงจะไม่ต้องเสียภาษี
สำหรับที่อยู่อาศัยหรือบ้านหลังแรก ในเขต กทม.และปริมณฑล ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 2.5-5 ล้าน การเก็บอัตราภาษีอยู่ที่ล้านละ 500 บาท/ปี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 76.0 เห็นด้วยกับการเก็บอัตราภาษีดังกล่าว ส่วนอีกร้อยละ 24.0 ไม่เห็นด้วย โดยเสนออัตราภาษีที่ควรเก็บในอัตราประมาณล้านละ 300 บาท/ปี เมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่ามีผู้ที่ไม่ต้องการให้เก็บภาษีร้อยละ 12.3
ที่อยู่อาศัยหรือบ้านหลังแรก ในต่างจังหวัด ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1.5-5 ล้าน อัตราภาษีอยู่ที่ล้านละ 500 บาท/ปี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 70.0 เห็นด้วยกับการเก็บอัตราภาษีดังกล่าว ส่วนอีกร้อยละ 30.0 ไม่เห็นด้วย โดยเสนออัตราภาษีที่ควรเก็บในอัตราประมาณล้านละ 160 บาท/ปี เมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่ามีผู้ที่ไม่ต้องการให้เก็บภาษีร้อยละ 15.4
ที่อยู่อาศัยที่ไม่ใช่หลังแรก ต่ำกว่า 5 ล้าน อัตราภาษีอยู่ที่ล้านละ 1,000 บาท/ปี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 67.1 เห็นด้วยกับการเก็บอัตราภาษีดังกล่าว ส่วนอีกร้อยละ 32.9 ไม่เห็นด้วย โดยเสนออัตราภาษีที่ควรเก็บในอัตราประมาณล้านละ 360 บาท/ปี เมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่ามีผู้ที่ไม่ต้องการให้เก็บภาษีร้อยละ 3.9
และที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่มีมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านขึ้นไป โดยอัตราภาษีอยู่ที่ล้านละ 1,000 บาท/ปี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 68.3 เห็นด้วยกับการเก็บอัตราภาษีดังกล่าว ส่วนอีกร้อยละ 31.7 ไม่เห็นด้วย โดยเสนออัตราภาษีที่ควรเก็บในอัตราประมาณล้านละ 540 บาท/ปี และเมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่ามีผู้ที่ไม่ต้องการให้เก็บภาษีร้อยละ 3.1
นอกจากนี้อีสานโพลสอบถามต่อไปว่า บ้านและที่อยู่อาศัยของผู้สูงวัย ควรได้รับการลดหย่อนหรืองดเว้นภาษีหรือไม่อย่างไร กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 67.3 เห็นว่าควรงดเว้นไม่ต้องจ่ายภาษี ร้อยละ 22.1 เห็นว่าควรลดหย่อนภาษี 50% ร้อยละ 7.3 เห็นว่าควรลดหย่อนภาษี 25% และอีกร้อยละ 3.3 เห็นว่าไม่ควรลดหย่อน
ท้ายสุดอีสานโพลได้สอบถามว่า หากต้องเลือกระหว่าง การถูกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กับ การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% ท่านจะเลือกข้อใด กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 54.9 จะเลือกการถูกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ร้อยละ 19.0 เลือกการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% และอีกร้อยละ 26.1 ยังไม่แน่ใจ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit