นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) (BM) ผู้นำในการผลิตแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก รางและท่อร้อยสายไฟฟ้า ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า ตู้โลหะ และ แผงควบคุมไฟฟ้า ที่ใช้ตาม อาคาร คอนโด และ ที่อยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ BSM เปิดเผยว่าในขณะนี้บริษัทเอสเอ็มอี ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆอาทิเช่น ชิ้นส่วน รถยนต์ เป็นต้น รวมถึงชิ้นส่วนที่เป็นส่วนประกอบที่แปรรูปมาจากเหล็ก มีความสนใจที่จะหาพันธมิตรผู้ผลิตในไทยเป็นฐานการส่งออกไปในประเทศต่างๆ อาทิเช่นในญี่ปุ่น หรือในประเทศที่เป็นฐานการผลิตในเอเชียของญี่ปุ่น เนื่องจากที่ผ่านมา เอสเอ็มอี ที่ผลิตชิ้นส่วนในประเทศญี่ปุ่นได้รับผลกระทบอย่างมากจากต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นและการขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก จึงได้มองหาประเทศที่มีศักยภาพที่จะรองรับเพื่อเป็นฐานการผลิตให้กับเอสเอ็มอีญี่ปุ่น และประเมินว่าประเทศไทยถือว่ามีความพร้อมเนื่องจากมีแรงงานที่มีทักษะจำนวนมากรองรับและมีบริษัทต่างๆที่มีความพร้อมในการผลิตตามออเดอร์ ตามมาตรฐานและระยะเวลาที่กำหนดแบบมาตรฐานญี่ปุ่น
“หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานและมีต้นทุนทางด้านแรงงานที่สูงขึ้น รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเร่งเห็นและไม่ต้องการให้ เอสเอ็มอีญี่ปุ่น ประสบปัญหาจึงได้หาทางออกหาพันธมิตร จากต่างประเทศที่จะเป็นฐานการผลิตเอสเอ็มอีของญี่ปุ่นแห่งใหม่ และรัฐบาลก็ได้เลือกประเทศไทยเป็นหนึ่งแห่งในการที่จะให้ เอสเอ็มอีในญี่ปุ่นมาผลิตในประเทศไทยแทน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจึงได้มีการติดต่อจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้บริษัทต่างๆในประเทศไทยเข้าไปนำเสนอผลงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัท บางกอกชีท เม็ททัลจำกัด ก็ได้รับการคัดเลือกให้ไปนำเสนอผลงานจนมีหลายบริษัทติดต่อเข้ามาที่บริษัทและในขณะนี้การร่วมมือ การหาลือของบริษัทกับประเทศญี่ปุ่นหลายบริษัทก็มีความคืบหน้าที่จะร่วมมือในการผลิตชิ้นส่วนให้เกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้นี้” นายธีรวัต กล่าว
นายธีรวัต กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ถือว่ามีความพร้อมในการผลิตชิ้นส่วนที่แปรรูปจากเหล็ก เนื่องจากเรามีประสบการณ์การทำงานในด้านดังกล่าวมา 10 กว่าปี เราให้ความสำคัญเรื่องบุคลากรในการเทรนนิ่งอย่างสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญเรื่องการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกแบบและเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัย รวมทั้งการให้ความสำคัญเรื่องงานการผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพ นอกจากนั้นยังต้องผลิตให้ทันตามกำหนดเวลาที่ลูกค้าต้องการ ประกอบกับทางบริษัทก็มีลูกค้าที่เป็นญี่ปุ่นจึงทำให้บริษัทมีความเข้าใจ การติดต่อประสานงานรวมทั้งการบริการภายใต้วัฒนธรรมนักธุรกิจญี่ปุ่นเป็นอย่างดี
นายธีรวัต กล่าวต่อว่า ในขณะนี้เราก็มีการขยายโรงงานเพิ่มเติม โดยอยู่ในระหว่างการก่อสร้างซึ่งคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 70-80 ล้านบาท ซึ่งก็จะทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่ที่จะรองรับการขยายตัวของบริษัทและเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการองรับลูกค้าเอสเอ็มอี ญี่ปุ่นที่คาดว่าน่าจะเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit