ในช่วงไตรมาที่ 4 นี้ เอสดับบลิว ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แบรนด์ใหม่ คือ คลอสส์ “KLAUSS” โดยเป็น วัสดุปิดผิววัสดุผิว ไฮกลอส ที่มีความโดดเด่นด้านความเงางามเหมือนกระจก ผิวหน้ามีมิติความคมชัดของสี เหมาะต่องานออกแบบดีไซน์สไตล์โมเดิรน์ ที่ต้องการเพิ่มความหรูหรา ซึ่งขณะนี้ การตกแต่งผิววัสดุด้วย “ไฮกลอส” คือ เทรนด์ที่กำลังมาแรงของงานตกแต่งภายใน ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สำหรับ “คลอสส์” [KLAUSS] เป็นผลิตภัณฑ์ที่เทียบเท่ากับงานพ่นอะคริลิคคุณภาพสูง สามารถควบคุมความสม่ำเสมอของสีในการผลิตได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมีราคาย่อมเยาว์กว่า ทั้ง คลอสส์ ที่ เอสดับบลิว นำเข้ามาทำตลาด จะมี 2 รุ่น คือ คลอสส์ เคแอล ซีรีย์ [KLAUSS KL SERIES] และ คลอสส์ เคแอลเอ็กซ์ ซีรีย์ [KLAUSS KLX SERIES] ทั้ง 2 รุ่น มีสีให้เลือกมากกว่า 18 สี จำน่ายในราคาเพียง 3,000 -5,000 บาท และ สำหรับหน้าบานตู้ ราคาเพียง 2,000 - 4,000 บาท ต่อตารางเมตรเท่านั้น
แนวทางการเปิดตลาด คลอสส์ [KLAUSS] นั้น เอสดัลบลิว จะมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ชุดครัว มัณฑนากร และ เจ้าของโครงการต่าง ๆ โดยการสร้างการรับรู้ ได้สัมผัสคุณภาพ และมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับตัวสินค้า ได้เกิดจิตนาการในการสร้างสรรค์ออกแบบและตกแต่งภายใน อาทิ ประตู, หน้าบานตู้ประเภทต่าง ๆ, ผนัง, พาร์ติชั่น ซึ่งจะเน้นกิจกรรมแบบ “บีโลว์เดอะไลน์” การจัดโรดโชว์ และการใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ทั้งนี้ มั่นใจว่า คลอสส์ จะได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็วแน่นอน โดยในปีแรกจะใช้งบส่งเสริมตลาด ประมาณ 3 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 15 ล้านบาท ในปีแรก นายศิริ กล่าวและเพิ่มเติมว่า มูลค่ารวมตลาดวัสดุตกแต่งภายใน ในส่วนของ วู้ดวีเนียร์ [wood veneer] สำหรับการใช้งานโครงการต่างๆ อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท โดย เอสดับบลิว มีส่วนแบ่งตลาด อยู่ที่ประมาณ 40% ถือว่ามีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด นอกจากนี้ ในส่วนของ วัสดุปิดผิวประเภทอื่น อาทิ เอชพีแอล[HPL] และ หินสังเคราะห์ เอสดับบลิว มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 5-10% ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี สำหรับในปี 2557 นี้ เอสดับบลิว ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้อยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ใกล้จะทะลุเป้าหมายแล้ว
สำหรับ การแข่งขันในตลาดวัสดุตกแต่งภายใน ถือว่าเป็นยุคที่ทุกคนมีโอกาสในการแข่งขัน ทั้งผู้ผลิตและผู้นำเข้า ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่โดนใจ และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างตรงใจ และการเปิด “เออีซี” เชื่อว่าเป็นปัจจัยบวกต่อ เอสดับบลิว เนื่องจาก คาดว่าจะมีการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อความต้องการและการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า โรงแรม โดยการเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในที่มีดีไซน์ทันสมัย เพื่อให้สามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ ยิ่งไปกว่านั้น เอสดับบลิว ยังมีแผนที่จะรุกตลาดในประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอินโดจีน ได้แก่ เวียดนาม, พม่า, กัมพูชา และ ลาว โดยปัจจุบัน เอสดับบลิว ได้ส่งออกวัสดุ ไปในประเทศเหล่านี้อยู่แล้ว ผ่านโครงการโรงแรมที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์จากประเทศไทย อีกทั้ง มั่นใจอีกว่า ตลาดวัสดุตกแต่งในภูมิภาคเอเชีย ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตทางเศรษฐกิจได้สูง
ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา เอสดับบลิว มีนโยบายในการมุ่งสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ โดยมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า ผู้ขาย พนักงาน ผู้ถือหุ้น ชุมชนรอบข้าง รัฐบาล สังคม และ สิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถเดินเคียงคู่กันไปด้วยความพึงพอใจ อีกทั้ง เอสดับบลิว มีเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านวัสดุตกแต่งภายใน ภายใต้พันธกิจ ในการนำเสนอต่อลูกค้า 5 ด้าน ได้แก่ คุณภาพ, การให้บริการที่รวดเร็ว, นวัตกรรมผลิตภัณฑ์, การให้คำปรึกษา และ การสร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบ อันเป็นปัจจัย ที่ทำให้ เอสดับบลิว ประสบความสำเร็จ และเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา “เอสดับบลิว”มีผลประกอบอยู่ที่ 225 ล้านบาท สำหรับปี 2557 ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 250 ล้านบาท นายศิริกล่าวสรุปในที่สุด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit