ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ขณะนี้หลายพื้นที่โดยเฉพาะในภาคใต้ต้องเผชิญกับฝนตกหนัก มีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีช่วงเวลาของฤดูฝนยาวนานกว่าภาคอื่นๆ ประชาชนในพื้นที่มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารอย่างโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากน้ำเป็นตัวนำพาสำคัญ ที่ทำให้สารพิษหรือเชื้อโรคต่างๆ สามารถปนเปื้อนเข้าสู่อาหารได้
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา จึงขอความร่วมมือให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมเฝ้าระวังโรคอาหารเป็นพิษอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เช่น สถานศึกษา หรือในที่ที่มีการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่ เช่น การเข้าค่าย งานบุญ งานเลี้ยง หากพบมีผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนให้รีบดำเนินการสอบสวนควบคุมโรคพร้อมทั้งรายงานโรคให้กลุ่มระบาดวิทยาและข่าวกรอง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา ทราบ เพื่อสนับสนุนการสอบสวนและควบคุมโรค นอกจากนี้ยังต้องดำเนินการเฝ้าระวังเชิงรุก โดยติดตามรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลโรคอย่างสม่ำเสมอ กำหนดพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคสูง สุ่มตรวจหาเชื้อในน้ำดื่ม น้ำใช้และอาหาร เก็บตัวอย่างน้ำประปาเพื่อตรวจหาสารคลอรีนตกค้างเป็นระยะ เก็บอุจาระผู้ป่วยที่สงสัยหรือมีอาการรุนแรง ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อประโยชน์ในการค้นหาผู้ป่วยและให้การรักษาได้ทันท่วงที
สำหรับประชาชนควรยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” เก็บรักษาอาหารไว้ในที่เย็น เช่น ตู้เย็น เพื่อชะลอการเติบโตของเชื้อโรค หากเก็บอาหารนานเกิน 4 ชั่วโมงหลังปรุงเสร็จ ต้องอุ่นให้ร้อนจัด เพื่อให้ความร้อนฆ่าเชื้อโรคก่อนรับประทานอาหาร หากต้องเดินทางและสั่งอาหารกล่อง ควรเลือกจากร้านที่สะอาด และกำชับให้ผู้ปรุงอย่าปรุงล่วงหน้านาน เลือกชนิดอาหารที่ไม่บูดเสียง่าย ไม่ควรเป็นอาหารประเภทกะทิ ยำ อาหารสุกๆ ดิบๆ รู้จักเลือกซื้อ เลือกบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ส่วนผู้ประกอบการ ควรทำความสะอาดร้านค้าหรือตลาดทุกๆ 2 สัปดาห์ และการกำจัดสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคอาหารเป็นพิษสามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 16 กันยายน 2557 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจาก 7 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง รวม 1,632 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต พบผู้ป่วยสูงสุดที่จังหวัดสงขลา จำนวน 953 ราย รองลงมาคือจังหวัดพัทลุง จำนวน 195 ราย จังหวัดตรัง 161 ราย จังหวัดนราธิวาส 103 ราย จังหวัดปัตตานี 75 ราย จังหวัดสตูล 73 ราย และจังหวัดยะลา 72 รายตามลำดับ