บสย.ผนึก เอดีบี-จีเอ็มเอส หนุนโนฮาว “ค้ำประกันสินเชื่อ” สู่กลุ่มประเทศ CLMV เปิดสำนักงาน ถ่ายทอดโมเดลธุรกิจ เสริมบทบาท SMEs ระดับอาเซียน

20 Oct 2014
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) ผนึก เอดีบี-จีเอ็มเอส หนุนโนฮาว “ค้ำประกันสินเชื่อ” สู่กลุ่มประเทศCLMV มั่นใจสร้างโอกาส ขยายการลงทุนเชื่อมโยงการค้าระหว่างกันรับเออีซี เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ระดับภูมิภาค ขณะที่กลุ่มผู้แทนสถาบันการเงินและยักษ์ใหญ่ด้านประกันจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ร่วมเวิร์คชอปศึกษาด้านการค้ำประกันสินเชื่อและการเข้าถึงแหล่งทุน

นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) หนึ่งในสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลโดยกระทรวงการคลังและเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐทำหน้าที่ “ค้ำประกันสินเชื่อ” เพื่อผู้ประกอบการ SMEs ได้รับความสนใจจากหน่วยงานและองค์กรสากลหลายประเทศที่กำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ในภูมิภาคเอเชีย และการมุ่งให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดย่อม (SMEs) ในกลุ่มประเทศ CLMV (ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) ที่กำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community - AEC) โดยให้บสย.เป็นหน่วยงานรัฐด้านการค้ำประกัน ทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการ “ค้ำประกันสินเชื่อ” ให้กับกลุ่มประเทศเหล่านี้ พร้อมศึกษาดูงานและร่วมทำเวิร์คชอปการค้ำประกันสินเชื่อจากบสย.

ล่าสุด บสย. ได้รับเชิญจากธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี (Asian Development Bank) และคณะกรรมการโครงการพัฒนาเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (The Greater Mekong Sub-region – GMS) ซึ่งเป็นองค์กรสากลที่สนับสนุนการค้าในลุ่มแม่น้ำโขงให้ร่วมเป็นเจ้าภาพการให้ความรู้ในการประชุมเชิงปฎิบัติการเรื่อง Credit Guarantee System for SMEs to Promote Green Technology and Climate Friendly Agriculture และร่วมทำเวิร์คชอป “การค้ำประกันสินเชื่อ”ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผู้แทนจากกลุ่ม CLMV ประมาณ 20 คนซึ่งเป็นผู้บริหารระดับนโยบายจากธนาคารกลาง และกระทรวงการคลังประกอบด้วย ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และ สถาบันค้ำประกันสินเชื่อของสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คชอป พบกับ SMEs ที่ได้ใช้บริการของ บสย. พร้อมรับฟังการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการค้ำประกันสินเชื่อ ณ สำนักงานใหญ่ บสย.

นายวิเชษฐ กล่าวว่า การประชุมเชิงปฎิบัติการและการทำเวิร์คชอป ครั้งนี้ทั้ง เอดีบีและจีเอ็มเอส ให้ความสำคัญในโมเดลค้ำประกัน และการสนับสนุนสินเชื่อให้กับกลุ่มธุรกิจและเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) โดยในส่วนของการค้ำประกัน บสย.รับหน้าที่ทำเวิร์คชอป ถ่ายทอดโมเดลค้ำประกัน และประสบการณ์ ตลอดระยะเวลา 24 ปี ที่ผ่านมาของ บสย. รวมถึงแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสำหรับสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้กับตัวแทนทั้ง 4 ประเทศรับฟังเพื่อนำไปเป็นต้นแบบในการดำเนินการด้านการค้ำประกันต่อไป

นอกจากนี้ บสย. ยังให้การต้อนรับคณะตัวแทนสถาบันการเงินจาก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งเดินทางมาดูงานเกี่ยวกับระบบธนาคาร การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการSMEs ตามคำเชิญของสมาคมธนาคารไทย โดยได้เข้าเยี่ยมชมการดำเนินกิจการและร่วมทำเวิร์คชอป ร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการค้ำประกัน ณ สำนักงานใหญ่ บสย.

“การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะส่งผลดีต่อการขยายการค้า การลงทุนให้กับ ผู้ประกอบการ SMEs ไม่เพียงแต่ในกลุ่ม CLMV แต่ยังรวมถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆที่เรียกว่า In-land countries ซึ่งประกอบด้วย พม่า ไทย ลาว เขมร จีน เวียดนาม มาเลเซีย อีกด้วย”

“ธุรกิจและการค้าขายในระดับภูมิภาค กำลังเปลี่ยนถ่ายโมเดลธุรกิจใหม่สู่การค้าแบบ Cross-trading ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อการส่งเสริมการค้าขายระหว่างกันมากขึ้น ทั้งด้านการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างกลุ่ม CLMV และ ในกลุ่ม In-land countriesการเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ บสย. ในการเข้าไปช่วยส่งเสริมและเป็นต้นแบบให้กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านดำเนินการ จัดตั้งสถาบันค้ำประกัน หากประเทศในกลุ่ม CLMV สามารถการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันสำเร็จ ก็จะยกระดับการค้ำประกันในรูปแบบการค้ำประกันสินเชื่อแบบ Back-to-back guarantee ให้กับนักลงทุนที่ค้าขายข้ามประเทศ และผู้ประกอบการ SMEs คนไทย ที่ไปลงทุนยังประเทศนั้นๆ สามารถกู้เงินได้ โดยมี บสย.ค้ำประกัน ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มประเทศ CLMV กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาโมเดลการค้ำประกันจากประเทศไทย” นายวิเชษฐ กล่าว