บรรยากาศการรับสมัครวันสุดท้ายเป็นไปอย่างคึกคัก ตั้งแต่ช่วงเช้ามีตัวแทนจากสถาบันการศึกษาและสาวงามจากสาขาอาชีพต่างๆ โดยเฉพาะด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงบ่ายผู้สมัครยังมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับ อัจฉราภรณ์ (จีน่า) กนกนทีสวัสดิ์ นางสาวไทย ประจำปี 2556 ซึ่งนางงามรุ่นพี่ได้ให้คำแนะนำว่า “นางสาวไทยต้องเป็นผู้ที่งามจากภายในสู่ภายนอก เป็นผู้ที่คิดดี พูดดี ทำดี มีความเสียสละ ไม่ว่าจะได้รับตำแหน่งหรือไม่ก็อยากให้ทุกคนพัฒนาตนเองให้ถึงพร้อมด้วยความรู้ ความสามารถ และความดี เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชน และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติไปตลอดค่ะ”
สำหรับผู้สมัครที่น่าจับตามองในวันนี้ ได้แก่ เกษราวดี เกิดด้วง (อ้อม) เจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ วัย 23 ผู้มีความใฝ่ฝันอยากครองตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศไทย “เวทีนางสาวไทยเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้แสดงความสามารถ ศักยภาพ และคุณค่าในตัวเอง น้องอ้อมอยากเป็นนางสาวไทยที่คอยมอบรอยยิ้มให้ผู้คน ทำให้ทุกคนมีความสุข”
ด้าน พรไพลิน จุลชโลทร (เนส) อายุ 22 ปี บัณฑิตจากคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ที่กลับมาอีกครั้งหลังจากอกหักจากการประกวดในปี 2555 เล่าว่า กลับมาประกวดตามความฝันของคุณแม่ ครั้งนี้เตรียมตัวมาพร้อม ตั้งใจนำเสนอความเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้นในฐานะ “น้องเนส” สาวผมสั้นที่สดใสร่าเริง เนสยังเผยเคล็ดลับความมั่นใจว่า “คุณแม่แนะนำว่าให้ยิ้มสู้แล้วทุกอย่างจะดีเองค่ะ”
อีกหนึ่งสาวที่ต้องการมาพิสูจน์ตัวเอง คือ ภูษิดา วรรณสอน (ซาย) นางแบบและนักแสดงอิสระวัย 24 ที่พาผิวสีแทนและรูปร่างกระทัดรัดมาสมัครเข้าประกวดในครั้งนี้ “อยากเป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆ ที่ไม่ได้ผิวขาวตัวสูง ให้เห็นว่าขอเพียงมีความมั่นใจ มีความรู้ ความสามารถ ทำตัวให้มีคุณค่า และมีความภูมิใจในตัวเอง ก็สามารถประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับเช่นกัน”
ส่วนสาวที่มาพร้อมความสูงอันโดดเด่นอย่าง สุนิสา เก่งสนาม (มด) นักศึกษาปี 3 จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เล่าว่าตัดสินใจเข้าร่วมการประกวดจากแรงสนับสนุนของคนรอบข้าง “ทุกคนบอกว่าหนูตัวสูงและใบหน้าสวยแบบไทยๆ เหมาะกับเวทีนี้ แต่การจะเป็นนางสาวไทยแค่สวยอย่างเดียวยังไม่พอ หนูจึงต้องเตรียมตัวเพิ่มเติมทั้งดูแลรูปร่าง พัฒนาบุคลิกภาพ ความเป็นไทย และหาความรู้รอบตัว”
ด้านตัวแทนจากสถาบันดัง วิลาสินี จันทร์วุฒิวงศ์ (อี้) จากวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยสั้นๆ ว่า “นางสาวไทยเป็นเวทีอันทรงเกียรติ หนูสัญญากับแม่ว่าจะต้องมาประกวดเวทีนี้ให้ได้ และจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้คู่ควรกับเวทีอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ค่ะ”ส่วนสาวที่อายุมากที่สุดของวันนี้อย่าง ภาวสุทธิ์ สุวัฒนพิเศษ (ฟิฌ) อายุ 25 ปี นักศึกษาระดับปริญญาโท สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สาขาการจัดการการท่องเที่ยว เผยว่า “คนเราจะประสบความสำเร็จได้ต้องประกอบด้วยโอกาสและความพยายาม ครั้งนี้เวทีนางสาวไทยเปิดโอกาสให้มาสมัครแล้วฟิฌจึงต้องคว้าไว้ หลังจากนี้ก็จะพยายามให้มาก เพื่อคว้าตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศไทยคนที่ 49 และจะใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมาช่วยเผยแพร่การท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศสู่สากล”
การประกวดนางสาวไทยประจำปี พ.ศ.2557 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “8 ทศวรรษแห่งตำนาน ความงดงามคู่แผ่นดิน” (INFINITY OF BEAUTY) เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 80 ปีแห่งตำนานการค้นหาหญิงสาวที่สวยที่สุดในประเทศไทย โดยผู้สมัครทั้ง 265 คนจะพบกับคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกสาวงามที่เพียบพร้อมด้วยความงาม ความสามารถ และปฏิภาณไหวพริบ ผ่านเข้าสู่รอบ 40 คนสุดท้าย ในวันที่ 25 ตุลาคม และรอบ 24 คนสุดท้ายในวันที่ 26 ตุลาคม ณ บมจ.อสมท.และจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวผู้เข้ารอบ 24 คนสุดท้ายในวันที่ 29 ตุลาคม ณ โรงละครอักษรา คิง พาวเวอร์ โดยสาวงามผู้คว้าตำแหน่งนางสาวไทย ประจำปี 2557 จะได้ครองรางวัลมากมาย อาทิ มงกุฎเพชร, ครองคฑา, สายสะพาย, รถยนต์ และเงินรางวัล 1,000,000 บาท ผู้สนใจสามารถติดตามการประกวดได้ที่ www.mcot.net/missthailand และ https://www.facebook.com/MissThailandMCOT9
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit