วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เผยแผนคอนเทนต์เชิงกลยุทธ์ที่การประชุมนักลงทุนของไทม์ วอร์เนอร์

16 Oct 2014

เบอร์แบงก์, แคลิฟอร์เนีย--(บิสิเนส ไวร์)--15 ต.ค. 2557


-- จุดสนใจหลักครอบคลุมถึงการเพิ่มการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ แฟรนไชส์ทั่วโลก การผลิตรายการเคเบิลและพรีเมียมทีวี ตลอดจนภาพยนตร์สำหรับเด็กและหนังดังระดับโลก


-- ยืนยันข่าวการสร้างภาพยนตร์ “Fantastic Beasts” สามภาค, ภาพยนตร์จากค่ายดีซี เอ็นเตอร์เทนเมนท์สิบเรื่อง และ “LEGO” อีกสามเรื่อง


วันนี้ที่การประชุมนักลงทุนของไทม์ วอร์เนอร์ เควิน สึจิฮาระ ประธานและซีอีโอของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์คอนเทนต์เชิงรุกของค่าย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลกำไรไปพร้อมกับการ “เสริมสร้างคอนเทนต์ที่มีความโดดเด่น ร่วมงานกับผู้มากความสามารถ และรักษาวัฒนธรรมที่ทำให้วอร์เนอร์ บราเธอร์ส คงความยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่”


“ความต้องการวิดีโอคอนเทนต์คุณภาพสูงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก เนื่องจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ก่อให้เกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆและนำมาซึ่งผู้บริโภครายใหม่กว่าหลายล้านคน” คุณสึจิฮาระกล่าว “นับเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ และไม่มีสตูดิโอไหนอยู่ในตำแหน่งที่จะคว้าโอกาสนี้ได้ดีไปกว่าวอร์เนอร์ บราเธอร์ส”


ระหว่างการนำเสนอในการประชุม คุณสึจิฮาระได้ประกาศรายชื่อภาพยนตร์ใหม่ซึ่งนับว่าโดดเด่นและกว้างขวางที่สุดในอุตสาหกรรม และสร้างขึ้นจากแฟรนไชส์ระดับโลกที่ทั้งใหญ่และสำคัญที่สุด ทั้งนี้ หลังจากที่ภาพยนตร์ “The LEGO Movie” ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในปีนี้ (ทำรายได้ถึง 468 ล้านดอลลาร์ในตารางหนังทำเงินทั่วโลก) วอร์เนอร์ บราเธอร์ส พิกเจอร์ส จึงมีแผนที่จะเปิดตัวภาพยนตร์ LEGO อีกสามเรื่องภายในสี่ปีข้างหน้า เริ่มด้วย “Ninjago” ในปี 2559 กำกับโดยชาร์ลี บีน และอำนวยการสร้างโดยแดน ลิน, รอย ลี, ฟิล ลอร์ด และคริส มิลเลอร์ จากนั้น Batman จะกลับมาเป็นดารานำอีกครั้งใน “The LEGO Batman Movie” ในปี 2560 กำกับโดยคริส แมคเคย์ และภาพยนตร์ภาคต่อ “The LEGO Movie 2” ในปี 2561


นอกจากนี้ ทางสตูดิโอเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์สามภาคใหม่ในปี 2559, 2561 และ 2563 จากหนังสือขายดีของเจ.เค. โรว์ลิ่ง อย่าง “Fantastic Beasts and Where to Find Them” ซึ่งเธอรับหน้าที่เขียนบทเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยภาพยนตร์จะดำเนินเรื่องในโลกแห่งเวทมนตร์ที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ครั้งนี้มาพร้อมกับสัตว์วิเศษและตัวละครต่างๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเรียนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ฮอกวอตส์ ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของนิวท์ สคามันเดอร์ ผู้เขียนตำราดังกล่าวที่เธอได้สมมติขึ้นมา “Fantastic Beasts” จะกำกับโดยเดวิด เยตส์ ซึ่งเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์สี่ภาคล่าสุด ร่วมกับทีมสร้างอย่างเดวิด เฮย์แมน, เจ.เค. โรว์ลิ่ง, สตีฟ โคลฟส์ และลีโอเนล วิแกรม


สำหรับภาพยนตร์จากค่ายดีซี เอ็นเตอร์เทนเมนท์นั้น ทางวอร์เนอร์ บราเธอร์ส พิกเจอร์ส และนิว ไลน์ ซินีมา เตรียมเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่กว่า 10 เรื่อง ตลอดจนภาพยนตร์ Batman และ Superman ระหว่างปี 2559-2563 ซึ่งประกอบไปด้วย


- “Batman v Superman: Dawn of Justice” กำกับโดย แซค สไนเดอร์ (2559)

- “Suicide Squad” กำกับโดย เดวิด เอเยอร์ (2559)

- “Wonder Woman” นำแสดงโดย กัล กาด็อท (2560)

- “Justice League Part One” กำกับโดย แซค สไนเดอร์ ร่วมด้วยเบ็น แอฟเฟล็ก, เฮ็นรี คาวิลล์ และเอมี่ อดัมส์ ซึ่งจะกลับมารับบทบาทเดิมอีกครั้ง (2560)

- “The Flash” นำแสดงโดย เอซรา มิลเลอร์ (2561)

- “Aquaman” นำแสดงโดย เจสัน โมมัว (2561)

- “Shazam” (2562)

- “Justice League Part Two” กำกับโดย แซค สไนเดอร์ (2562)

- “Cyborg” นำแสดงโดย เรย์ ฟิชเชอร์ (2562)

- “Green Lantern” (2562)


ในส่วนของรายการโทรทัศน์ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เทเลวิชั่น กรุ๊ป (WBTVG) เป็นผู้นำอุตสาหกรรมอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตรายการ 32 รายการป้อนให้แก่เครือข่ายออกอากาศห้าแห่ง อีกทั้งมีรายการกว่า 60 รายการผ่านเครือข่าย ช่องเคเบิล สัญญาขายรายการ และสื่ออนิเมชั่น WBTVG พร้อมยกระดับความเป็นผู้นำในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเคเบิล พรีเมียมแพลตฟอร์ม และรายการสำหรับเด็ก รวมถึงส่งเสริมธุรกิจ SVOD ไปจนถึงการผลิตรายการโทรทัศน์ระดับโลกและการขายฟอร์แมต


ทางสตูดิโอมีรายการที่ได้รับความนิยมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์บันเทิงอันดับ 1 บนจอทีวีอย่าง “The Big Bang Theory” รายการประกวดร้องเพลงสุดฮิตอันดับ 1 อย่าง “The Voice” รวมไปถึงรายการโปรดของใครหลายคน เช่น “Arrow,” “The Flash,” “Gotham,” “The Middle,” “Mom,” “Pretty Little Liars,” “The Vampire Diaries,” “The Bachelor”, “The Ellen DeGeneres Show” และอื่นๆอีกมากมาย


สำหรับค่ายเทอร์เนอร์ ซีรีส์ “Rizzoli & Isles” ของวอร์เนอร์ ฮอไรซอน เทเลวิชั่น และเรื่อง “Major Crimes” ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เทเลวิชั่น เป็นสองในสามซีรีส์ยอดนิยมทางช่องเคเบิลในปี 2557 และเป็นรายการอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับบนช่อง TNT โดยทางสตูดิโอมีโปรเจกต์ในอนาคตเป็นจำนวนมากเพื่อออกอากาศทางช่อง TNT ซึ่งรวมถึงการสร้างตอนนำร่องของซีรีส์ดราม่าที่ยังไม่มีชื่อเรื่อง จากเจอร์รี บรัคไฮเมอร์, ไมเคิล เบย์ และมิเชล แอชฟอร์ด ผ่านการเล่าเรื่องเกี่ยวกับการซื้อขายโคเคนในฟลอริดาในช่วงทศวรรษ 1970 นอกจากนี้ ทางสตูดิโอยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา “Titans” จากตัวละครของดีซี คอมิกส์ ซึ่งเป็นผลงานของมือรางวัลออสการ์ อคิวา โกลด์สแมน และมาร์ก ไฮม์ส


สำหรับช่อง HBO นั้น “The Leftovers” ซึ่งเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ WBTV ผลิตให้กับช่องโทรทัศน์ระดับพรีเมียมแห่งนี้ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจนมีโครงการสร้างซีซั่นที่สองต่อ นอกจากนี้ WBTV ยังได้สร้างซีรีส์นำร่อง “Westworld” จากทีมผู้ผลิต เจ.เจ. แอบรัมส์, โจนาธาน โนแลน, เจอร์รี่ ไวน์โทรบ และลิซา จอย นำแสดงโดยเซอร์ แอนโทนี ฮอปกินส์, เอ็ด แฮร์ริส และอิวาน เรเชล วูด อีกทั้งยังมีโปรเจกต์อื่นๆที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาอีกมากมาย


ขณะนี้ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส อนิเมชั่น (WBA) กำลังสร้างซีรีส์ใหม่จากผลงานที่กลายเป็นแบรนด์ดังของสตูดิโอ อาทิ “Be Cool Scooby-Doo!” ที่กำลังจะออกอากาศเร็วๆนี้ และ “The Tom and Jerry Show” ขณะที่ “Teen Titans Go!” ของ WBA ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับช่องรายการเด็กอื่นๆในช่วงเวลาออกอากาศเดียวกัน


และเป็นครั้งแรกที่วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เวิลด์ไวด์ เทเลวิชั่น ดิสทริบิวชั่น ได้มอบสิทธิแบบ subscription-video-on-demand (SVOD) ในการเผยแพร่ซีรีส์เรื่อง “Friends” ของ WBTV ให้แก่ Netflix แต่เพียงผู้เดียวในสหรัฐและแคนาดา โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป สมาชิก Netflix จะสามารถรับชมซีรีส์ดังกล่าวได้ครบทั้ง 236 ตอน โดย “Friends” ถือเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์ และปัจจุบันยังคงเป็นรายการฮิตทางระบบเคเบิล (ช่อง Nick at Nite และ TBS) และในสัญญาขายสิทธิในการออกอากาศ


นอกจากนี้ ทางเวิลด์ไวด์ เทเลวิชั่น ดิสทริบิวชั่น ยังได้จำหน่ายสิทธิ SVOD แบบ off-network ในการแพร่ภาพซีรีส์โทรทัศน์ยอดนิยมของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เทเลวิชั่นอย่าง “Person of Interest” แก่ Netflix ในสหรัฐเช่นกัน โดยสามซีซั่นแรกของซีรีส์ ซึ่งปัจจุบันกำลังออกอากาศทางช่อง CBS จะเปิดให้สมาชิกรับชมได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2558 ในเวลาเดียวกันกับที่ซีรีส์ดังกล่าวจะออกอากาศแบบ off-network บน WGN America


ข้อตกลงสองฉบับข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าซีรีส์เรื่องดังของสตูดิโอยังคงสามารถทำเงินได้เป็นเวลากว่าหลายสิบปีนับตั้งแต่ที่ออกฉายครั้งแรก ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2542 WBTVG ได้พัฒนาและผลิตซีรีส์ 20 เรื่องที่มีจำนวนตอนออกอากาศเกิน 100 ตอน หรือกำลังแตะระดับดังกล่าวในซีซั่น 2557-2558 ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับคลังผลงานของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส


“ที่วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เราเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์บันเทิงชั้นนำระดับโลกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินอย่างเหนือชั้น” คุณสึจิฮาระ กล่าว “ผมอยู่กับบริษัทมานานกว่า 20 ปี และผมไม่เคยรู้สึกมั่นใจเช่นนี้มาก่อนเกี่ยวกับอนาคตของเรา เรามีความมุ่งมั่นที่จะดำรงรักษาและเสริมสร้างมรดกความยิ่งใหญ่ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ในฐานะสตูดิโอที่มีชื่อเสียงและมีศักยภาพทำเงินสูงที่สุดในโลก”


ติดต่อ:

วอร์เนอร์ บราเธอร์ส

จิม นูแนน (Jim Noonan)

โทร. 818/954-5489

[email protected]

หรือ

พอล แมคไกวร์ (Paul McGuire)

โทร. 818/954-6152

[email protected]