“คือ ทราบมาก่อนเลย เพราะว่าเราเป็นคนใช้ชีวิตเรื่อยๆ คิดว่าตัวเองแข็งแรง 5ปีที่แล้วก็ตรวจสุขภาพทั่วไปขั้นต้นก็ไม่เจอ จนเรามีอาการเจ็บหน้าอกข้างซ้าย ตรงเต้านมแล้วก็เป็นก้อน ก็คิดไปเองว่าคงเดินชนอะไรจนช้ำ ตอนแรกก็จะรอให้หายเอง เราใช้ชีวิตค่อนข้างประมาทเหมือนกัน เรารู้ว่ามีก้อนเนื้อ แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะคอขาดบาดตาย จนต้นปี 52 เจ็บมากก็เลยไปตรวจอย่างจริงๆ จังๆ พบว่าเป็นเนื้อร้าย หมอนั้นหมอนั่งกุมขมับ เราก็เริ่มสงสัย ก็ถามหมอไปว่าผลออกมาไม่ดีใช่มั้ยค่ะ หมอก็ตอบแค่ค่ะๆ” การที่ถามหมอไปว่าเป็นมะเร็งใช่มั้ย เพราะเราต้องการคำตอบว่าไม่ใช่หรือเปล่า ?
“เราเองไม่ได้คิดอะไร ขอแค่ว่าฟันธงมาเถอะ เพราะเราก็ไม่ชอบอยู่กับความอึมครึม จริงๆ บรรยากาศก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเราไม่สบาย เป็นโรคร้ายแน่ๆ แรกสุดที่รู้คำตอบคือเราดีใจแล้ว สองคิดว่างานเข้าวะต้นปีเลย ไม่เป็นไรก็คุยกับคุณหมอ ซึ่งคุณหมอน่ารักมาก รีบกำลังใจเลยว่ารักษาหาย ตอนนั้นเราเป็นมะเร็งขั้นที่ 2 เช็กจากขนาดของเนื้อร้าย” พอรู้ว่าตัวเองเป็นจริงๆ ก็ต้องศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังใช่มั้ย ?
“คือ เราพอรู้มาบ้างแล้ว แต่จริงๆ คนที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม บางครั้งก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเต้านม อาจจะเป็นแค่ก้อนเนื้อ แต่ก็สามารถเป็นมะเร็งได้ ถ้าเมื่อไหร่ที่เจอก้อนเนื้อก็ควรไปตรวจ อาจจะแก้ไขอะไรได้เร็วขึ้น ซึ่งผู้ชายก็สามารถเป็นได้” ตอนหมอบอกเราแอบคิดมั้ยว่าทำไมเราตายเร็วอย่างนี้ ?
“ขนาดที่รู้ว่าเป็นนี่ ไม่ใช่ว่าเราจะตายตรงนั้น แค่รู้สึกว่างานเข้าวะ คน 10 คนเป็นได้ 1 คนหรือ 2 คน เราก็เป็นหนึ่งในนั้น เราก็เป็นไปได้ ใครก็ได้ พอเป็นก็ไม่ได้กลัวตายขนาดนั้น แต่คิดว่าเวลาของเราเหลือน้อยแล้ว คำว่ามะเร็งที่เรารู้กัน คือ เป็นแล้วต้องตาย หรือว่าหายได้ มันคาบเส้นคาบดอกมาก ตอนนั้นคิดว่าเวลาเราเหลือน้อยแล้ว เวลาเป็นสิ่งสำคัญ เราเห็นคุณค่าของเวลาที่เหลือ” ตอนที่ฟังผลสามีอยู่ด้วยกันหรือเปล่า ?
“ตอนไปฟังก็บอกเขาว่าไปด้วยกันขี้เกียจเล่า เราอยากให้เขารู้ไปพร้อมกับเรา หลังจากทราบผลหมอก็บอกเรื่องการรักษา แต่เรายังมีงานก็เลยไปรักษาช้ากว่ากำหนด 2-3 วัน ตอนนั้นมีงานอีเว้นท์ใหญ่ที่พัทยา ซึ่งเราเป็นเจ้าของบริษัทเราก็คิดว่าเราต้องไป หลังเสร็จงานก็เข้าโรงพยาบาลแล้วผ่าตัดเลย หมอถามว่าถ้าผ่าตัดจะตัดออกให้หมดมั้ย เราก็บอกว่าไหนๆ ก็ผ่าแล้วก็ตัดออกให้หมด จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็ 5 ปีกว่า” เห็นบอกว่าใช้ธรรมะช่วย ?
“เราเคยไปศึกษาธรรมะมา ตอนที่ไปคุมงานอีเว้นท์ที่พัทยา มันเหมือนว่างคิดไปเรื่อยก็ใช้ธรรมะ กำหนดรู้ไปว่ามันฟุ้งนะ อยู่ปับปัจจุบัน พอไม่มีไรทำมากๆ ก็แผ่เมตตา เจ้ากรรมนายเวร เท่าที่เราทำได้ อะไรที่ทำไม่ดีกับใครก็พูดไป” ปัจจุบันนี้เราหายร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วใช่มั้ย ?
“เราก็ถามหมอ หมอบอกว่า ณ จุดนี้หาย ซึ่งเราชอบคำนี้มาก คุณหมอพูดแบบนี้ดี เพราะทำให้เราใช้ชีวิตไม่ประมาทเหมือนเมื่อครั้งก่อน ถ้าคิดว่าหายเราก็จะกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่คุณเริงร่า ณ จุดนี้ คือ หาย จุดต่อไปไม่รู้นะ มันทำให้เราระวังตัว ชีวิตจากวันนั้นถึงวันนี้ทำให้เรียนรู้ชีวิตมากยิ่งขึ้น”
ติดตามบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ได้ทางช่อง 2 ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 7.00/ 11.00/ 17.00/ 20.00/ 23.00 น. และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/thaich2
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit