นูทานิกซ์เผยโฉมแพลตฟอร์ม Hyper-Converged ที่ใช้แฟลชทั้งหมด แพลตฟอร์มแรกของวงการมาพร้อมความสามารถในการทำคลัสเตอร์ข้ามสถานที่ (Stretch Cluster)

22 Oct 2014
นูทานิกซ์ (Nutanix) ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานแบบ Web-scale Converged เสริมสมรรถนะให้กับแพลตฟอร์มเวอร์ชวลคอมพิวติ้งของนูทานิกซ์ ด้วยการเพิ่มสองเทคโนโลยีล่าสุดซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของวงการ เพื่อรองรับแอพพลิเคชั่นที่ต้องการสมรรถนะสูง และความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์ เทคโนโลยีใหม่ที่เปิดตัวคืออุปกรณ์ NX-9000 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Hyper-Converged แบบใช้แฟลชทั้งหมด (All-flash) ตัวแรกของวงการ ที่มีระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ Scale-out ให้กับแอพพลิเคชั่นที่ต้องการสมรรถนะการทำงานที่รวดเร็วเป็นพิเศษ และเปิดตัวฟีเจอร์ Metro Availability ซึ่งทำให้นูทานิกซ์เป็นผู้ผลิตโครงสร้างพื้นฐาน Hyper-Converged เพียงรายเดียวที่มอบประสิทธิภาพการปกป้องข้อมูลอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมดาต้าเซ็นเตอร์หลายแห่ง

นวัตกรรมที่กล่าวมานี้ตอบสนองเรื่องที่ลูกค้าต้องการโซลูชั่น Hyper-Converged ที่ยืดหยุ่น เพื่อขับเคลื่อนเวิร์กโหลดทุกประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถติดตั้งบนโครงสร้างพื้นฐานระดับองค์กรได้ทุกโครงสร้าง สถาปัตยกรรมเว็บ-สเกลของนูทานิกซ์รองรับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีดังกล่าว โดยไม่ต้องลงทุนในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้เทคโนโลยีแบบปิดซึ่งยากแก่การดูแลรักษา และไม่ต้องมีการผนวกรวมแบบเจาะลึกเข้ากับระบบเวอร์ชวลไลเซชั่น ซึ่งเป็นการจำกัดทางเลือกของลูกค้า

“โซลูชั่น Hyper-Converged ของนูทานิกซ์ ขับเคลื่อนแอพพลิเคชั่นและบริการที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในสภาพแวดล้อมไอทีที่เข้มงวดมากที่สุดทั่วโลก” มาโนช อากราวัล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมของนูทานิกซ์ กล่าว “การเปิดตัวแพลตฟอร์ม All-flash แบบ Converged และฟีเจอร์ Metro Availability ทำให้นูทานิกซ์เป็นผู้นำอย่างชัดเจนในเซ็กเมนต์หนึ่งที่เติบโตเร็วที่สุดในแวดวงไอทีระดับองค์กร”All-Flash รุ่น NX-9000

NX-9000 รุ่นใหม่ล่าสุด คือการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่ยาวนานของนูทานิกซ์ ในการพัฒนาเทคโนโลยีแฟลชทรงประสิทธิภาพ ซึ่งมีอยู่ในโซลูชั่นของนูทานิกซ์ทั้งหมด NX-9000 ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อรันแอพพลิเคชั่นที่มีชุดการทำงานขนาดใหญ่ เช่น ดาต้าเบสที่รองรับการจัดการข้อมูลรายวัน (OLTP) ซึ่งแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ต้องการสตอเรจที่ทำงานได้เร็วอย่างเหนือชั้น แต่ต้องมี l/O latency ที่สม่ำเสมอและคาดการณ์ประสิทธิภาพการทำงานได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของแฟลช การบีบอัดข้อมูลแบบScale-out ของนูทานิกซ์ และเทคโนโลยีการขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ออกจากแหล่งข้อมูลการประมวลผลทุกโหนดในคลัสเตอร์ ช่วยให้เทคโนโลยีแฟลชของนูทานิกซ์มีความสามารถในการรองรับปริมาณข้อมูลได้มากขึ้น และเป็นการป้องกันปัญหาคอขวด (Bottleneck) ในด้านประสิทธิภาพ ซึ่งพบเห็นได้โดยทั่วไปในระบบสตอเรจรุ่นเก่า และสตอเรจอาเรย์ที่ใช้แฟลชทั้งหมดที่พึ่งพาการออกแบบด้วยคอนโทรลเลอร์สองตัว

อุปกรณ์ NX-9000 แตกต่างจากอาเรย์ที่ใช้แฟลชทั้งหมดทั่วๆ ไป (All-flash Array - AFA) เพราะ NX-9000 มีสตอเรจที่มีประสิทธิภาพกว่า ไม่มีความซับซ้อนในการทำงาน และลดค่าใช้จ่าย นูทานิกซ์นำเสนอคุณสมบัติที่เหนือกว่า AFA ทั่วๆ ไป ดังนี้:

  • นูทานิกซ์ นำเสนอสตอเรจที่ Scale-Out ได้อย่างแท้จริง – ลูกค้าของนูทานิกซ์เพิ่มความสามารถในการรองรับข้อมูลให้กับสตอเรจและเพิ่มประสิทธิภาพสตอเรจโดยรวมได้ด้วยวิธีการง่ายๆ เพียงแค่ติดตั้งโหนดเพิ่มเติมทีละโหนด โดยไม่ทำให้งานหยุดชะงัก ทั้งนี้ ดาต้าสโตร์ (Datastore) หนึ่งระบบจะสามารถขยายขนาดในลักษณะเชิงเส้นได้อย่างไร้ขีดจำกัด จึงขจัดความเสี่ยงที่เกิดจากสตอเรจรองรับปริมาณข้อมูลได้ไม่เพียงพอ
  • ประสิทธิภาพสูงกว่า – สถาปัตยกรรม Hyper-Converged ของนูทานิกซ์ ช่วยปรับเปลี่ยนข้อมูลให้เหมาะกับแต่ละแอพพลิเคชั่น เพื่อให้แฟลชที่เชื่อมต่ออยู่ในเซิร์ฟเวอร์สามารถจัดการกับคำร้องขอในการอ่านข้อมูลได้โดยตรง ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงจำนวนการใช้งานในการอ่านข้อมูลที่มากเกินไป และลดความล่าช้าของเครือข่ายที่เป็นผลมาจากการติดตั้งอาเรย์ที่ใช้แฟลชทั้งหมด
  • ใช้กับแอพพลิเคชั่นได้หลากหลาย – แพลตฟอร์มแบบใช้แฟลชทั้งหมดของนูทานิกซ์แตกต่างจาก AFA ทั่วไป เพราะมอบประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าให้กับแอพพลิเคชั่นทั้งหมด รวมถึง I/Oทุกขนาด จึงขจัดปัญหาความไม่แน่นอนในการจัดสรรพื้นที่สตอเรจสำหรับเวิร์กโหลดชนิดต่างๆ ได้

ประสิทธิภาพของ NX-9000 พิสูจน์ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของสถาปัตยกรรมเว็บ-สเกลของนูทานิกซ์ ด้วยการผลิตฮาร์ดแวร์ที่เหมาะกับเวิร์กโหลดหลากหลายประเภท รวมถึงความสามารถในการรองรับปริมาณข้อมูลของสตอเรจและการประมวลผลในระดับต่างๆ พร้อมด้วยเทคโนโลยีสตอเรจและคอนฟิกูเรชั่นระบบเครือข่ายที่ดีที่สุดในการติดตั้งระบบทุกระบบ และสิ่งที่โซลูชั่นของนูทานิกซ์ต่างจากโซลูชั่นHyper-Converged อื่นๆ ก็คือ นูทานิกซ์ไม่ได้บังคับให้ลูกค้าต้องใช้โซลูชั่นแบบ ‘ครอบจักรวาล’ฟีเจอร์ Metro Availability

แอพพลิเคชั่นสำคัญๆ ขององค์กรย่อมต้องการความพร้อมในการใช้งานข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่าเราจะต้องเข้าใช้แอพพลิเคชั่นและข้อมูลได้แม้ในขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์หยุดทำงาน หรือในช่วงการซ่อมบำรุง ทีมงานฝ่ายไอทีจำนวนมากใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระยะไกลแบบMetro Area Network (MAN) เพื่อคงการเชื่อมต่อระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ต่างๆ ไว้ ในกรณีที่ไซต์หนึ่งหยุดทำงาน อีกไซต์หนึ่งก็จะสามารถรันแอพพลิเคชั่นและบริการทั้งหมดได้ โดยการทำงานแทบจะไม่หยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้ในทันที เพื่อให้แอพพลิเคชั่นทำงานอย่างต่อเนื่อง

นูทานิกซ์เป็นผู้ผลิตโครงสร้างพื้นฐาน Hyper-Converged รายแรกที่นำเสนอการปกป้องข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมดาต้าเซ็นเตอร์หลายแห่ง โดยใช้เทคโนโลยี Synchronous Mirroring ฟีเจอร์ Metro Availability จะขยายดาต้าสโตร์ให้กับเวอร์ชวลแมชชีนคลัสเตอร์ที่ตั้งอยู่ในสถานที่ตั้งสองแห่งขึ้นไป ซึ่งอยู่ห่างกันได้ถึง 400 กิโลเมตร ฟังก์ชั่นทั้งหมดติดตั้งอยู่ในซอฟต์แวร์ของนูทานิกซ์ และสามารถใช้งานบนแพลตฟอร์มของนูทานิกซ์ทั้งหมดโดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ทีมไอทีขององค์กรจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการที่สามารถคงความพร้อมในการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ทั้งในช่วงที่ไซต์หยุดทำงานตามแผนที่วางไว้ หรือกรณีที่ต้องหยุดทำงานอย่างกระทันหัน

ขณะนี้ ทีมงานฝ่ายเวอร์ชวลไลเซชั่นสามารถโยกย้ายเวอร์ชวลแมชชีนระหว่างไซต์ต่างๆ ในช่วงที่ทำการบำรุงรักษาระบบตามที่วางแผนไว้ พร้อมทั้งปกป้องข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ปริมาณข้อมูลสูญหาย (Recovery Point Objective - RPO) เท่ากับศูนย์ และระยะเวลาในการกู้คืนข้อมูล (Recovery Time Objective - RTO) เกือบจะเป็นศูนย์ ทั้งนี้ Metro Availability สามารถติดตั้งได้ภายในเวลาไม่กี่นาที และจัดการได้จาก Nutanix Prism UI โดยตรง จึงไม่จำเป็นต้องใช้คอนโซลการจัดการเพิ่มเติมMetro Availability ของนูทานิกซ์ มีคุณสมบัติเหนือกว่าโซลูชั่น High Availability จากผู้ผลิตสตอเรจรุ่นเก่า ดังนี้

  • ความยืดหยุ่นสูงกว่า – นูทานิกซ์เป็นบริษัทเดียวที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าใช้คอนฟิกูเรชั่นที่แตกต่างกันสำหรับไซต์หลักและไซต์สำรอง ทั้งยังสนับสนุนโครงสร้างการเชื่อมต่อแบบ One-to-Many และMany-to-One ลูกค้าไม่จำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มและคอนฟิกูเรชั่นฮาร์ดแวร์เดียวกันที่ไซต์แต่ละแห่ง
  • ทำงานได้ถึงระดับ VM – เครื่องคอมพิวเตอร์เสมือน (Virtual Machine) แต่ละเครื่องสามารถทำMirror ระหว่างไซต์ต่างๆ โดยใช้ Metro Availability ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดค่าคอนฟิกูเรชั่นแบบหลายไซต์ได้ยืดหยุ่นมากกว่า ทั้งยังปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบโดยรวมอีกด้วย
  • ระยะห่างระหว่างไซต์มากกว่าเดิม 2 เท่า – Metro Availability ของนูทานิกซ์ รองรับดาต้าสโตร์เดียวที่ขยายขอบเขตได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร มากกว่าระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

Metro Availability ช่วยยกระดับและขยายขีดความสามารถด้านการปกป้องข้อมูลและความพร้อมใช้งานสูงให้กับโซลูชั่นของนูทานิกซ์ ซึ่งตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าองค์กรได้อย่างลงตัวราคาและการวางจำหน่าย

NX-9000 ซึ่งเป็น Hyper-Converged แบบใช้แฟลชทั้งหมด ได้รับการติดตั้งเพื่อใช้งานจริงอย่างสมบูรณ์แล้ว และมีวางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้น 110,000 ดอลล่าสหรัฐ ต่อโหนด ส่วนฟีเจอร์ Metro Availability จะพร้อมใช้งานในระบบปฏิบัติการนูทานิกซ์ (Nutanix Operating System - NOS) เวอร์ชั่น 4.1 และจะติดตั้งอยู่ในรุ่น Ultimate Edition