หลวงพ่อคูณ มอบ มรดกธรรม วิหารเทพวิทยาคม แหล่งเรียนรู้ธรรมและแก่นแท้พุทธศาสนาแก่ประชาชน

26 Sep 2014
พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ มอบ มรดกธรรม “วิหารเทพวิทยาคม” แหล่งเรียนรู้พระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งหลวงพ่อคูณท่านได้นำมาสั่งสอนและให้เป็นคติธรรม เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่สาธุชนและประชาชนทั่วไป เน้นความรู้ที่เข้าใจง่าย เข้าถึงได้ทุกวัย เป็นธรรมะที่สนุกและเพลิดเพลิน เปิดให้เข้าชมอย่างสมบูรณ์เต็มรูปแบบแล้ววันนี้
หลวงพ่อคูณ มอบ มรดกธรรม วิหารเทพวิทยาคม แหล่งเรียนรู้ธรรมและแก่นแท้พุทธศาสนาแก่ประชาชน

พระครู ศรีปริยัติวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายภาณุ แย้มศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร จารุทวี รองประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ และผู้อำนวยการโครงการอุทยานธรรม วิหารเทพวิทยาคม พร้อมด้วยนางสาวมยุริญ ผ่องผุดพันธ์ ดารานักแสดงและนักปฏิบัติธรรม ร่วมเสวนา “มรดกธรรม หลวงพ่อคูณ” เพื่อเฉลิมฉลองเกียรติคุณความดีและบารมีของหลวงพ่อคูณ เผยแพร่หลักธรรมพระพุทธศาสนา รวมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ปฏิบัติธรรม อันนำไปสู่การสร้างความสุขและความเจริญในชีวิต หลังจากนั้น ร่วมกันเปิดนิทรรศการ “มรดกธรรม หลวงพ่อคูณ” จัดแสดงความรู้และแก่นแท้พระพุทธศาสนา ซึ่งปรากฏใน “วิหารเทพวิทยาคม” มรดกธรรมที่หลวงพ่อคูณประสงค์ให้สร้างขึ้นเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาอย่างมั่นคงสถิตสถาพรสืบไป

พระครู ศรีปริยัติวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “หนึ่งในคำสอนของหลวงพ่อคูณที่อยู่ในใจชาวโคราชมาเสมอ นั่นคือ การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก… ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง หลวงพ่อคูณ เป็นพระอาจารย์ นอกจากเป็นผู้ทรงคุณทางไสยเวทย์ แต่ในด้านธรรมะ หลวงพ่อคุณยิ่งมีความเป็นเลิศ โดยให้ความสำคัญต่อการศึกษาหาความรู้และการปฏิบัติกัมมัฏฐาน เน้นเรื่องการมี สติ ระลึกรู้ พิจารณาอารมณ์ต่างๆ ที่มากระทบเพื่อให้รู้เท่าทันในอารมณ์และใช้ความคิด ปัญญา เพื่อไม่ให้เกิดความหลง เพราะทุกสิ่งนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์”

นายภาณุ แย้มศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่หลวงพ่อคูณได้บวชในบวรพระพุทธศาสนารวม 70 พรรษา ได้บำเพ็ญวัตรปฏิบัติที่เปี่ยมล้นด้วยมหาบารมีทาน สละทรัพย์สร้างสาธารณะประโยชน์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นศาสนสถานโรงพยาบาล โรงเรียน และสถานที่ราชการต่างๆ มาโดยตลอด เนื่องในวาระศุภวัฒนมงคลครบ 91 ปี และ 70 พรรษาในบวรพระพุทธศาสนาของพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่จะเวียนมาบรรจบในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ก็จะเป็นอีกครั้งที่หลวงพ่อคูณได้ตั้งจิตมั่นที่จะมอบ วิหารเทพวิทยาคม ให้เป็นมรดกธรรมแห่งพระพุทธศาสนาสืบไปชั่วลูกหลาน”

นางสมฤดี ชาญชัย ผู้อำนวยการภูมิภาค ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “วิหารเทพวิทยาคม มรดกธรรมของหลวงพ่อคูณแห่งนี้ จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาที่สำคัญของภาคอีสาน สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมะของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพราะเป็นการท่องเที่ยวที่มีเรื่องราว ไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แต่ให้ทั้งความสุขและความสบายใจ ปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจในศาสนา วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม และเป็นการร่วมสร้างสังคมที่ดี ตามแนวคิด “คุณธรรมนำสังคม” อีกทั้งกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เกิดการตื่นตัวต่อการเห็นความสำคัญของรากฐานวัฒนธรรมภายในชาติ นอกเหนือจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดการหมุนเวียนก่อให้เกิดรายได้สู่ท้องถิ่นทั่วทุกภูมิภาค”

นางสมทรง สัจจาภิมุข รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ผลการศึกษาพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวชาวไทยล่าสุดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า วัตถุประสงค์หลักของการท่องเที่ยว อันดับสองของคนไทย คือ การไหว้พระ ปฏิบัติธรรม รองจากอันดับแรก คือ การเยี่ยมญาติหรือเพื่อน รวมทั้ง เมื่อดูกิจกรรมระหว่างการท่องเที่ยวแล้ว สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทำกิจกรรมทางศาสนา เช่น ทำบุญ นมัสการศาสนสถาน นั่งสมาธิ วิปัสสนา เป็นอันดับสอง รองจากอันดับแรก คือ การท่องเที่ยวทั่วไป เช่น กินอาหาร ซื้อของ ดังนั้น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะ จึงเป็นกลุ่มที่น่าจับตามอง และควรได้รับการสนับสนุนและพัฒนาอย่างเป็นระบบและแบบแผน รวมทั้งเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ตามเส้นทางเข้าไว้ด้วยกัน”

นายเกรียงไกร จารุทวี รองประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ และผู้อำนวยการโครงการอุทยานธรรม วิหารเทพวิทยาคม กล่าวว่า “วิหารเทพวิทยาคม ก่อสร้างขึ้นด้วยปณิธานอันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อคูณที่ต้องการจะให้เป็นวิหารที่เป็นศูนย์รวมของพระธรรมวินัยในพระไตรปิฎก หรืออีกนัยหนึ่งคือ ดินแดนที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด วิหารเทพวิทยาคมนี้ จึงเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่นำเอาพระไตรปิฎกมาแสดงและให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป สมกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เมื่อเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วให้ถือเอาพระธรรมวินัยของพระพุทธองค์เป็นศาสดาตลอดไป พระธรรมวินัยในพระไตรปิฏกจัดแสดงไว้ในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย สวยงาม สนุกและเพลิดเพลินด้วยรูปแบบการนำเสนอผ่านงานศิลปะร่วมสมัยและการจัดแสดงด้วยเทคนิคสมัยใหม่ โดยจุดเด่นอีกประการของวิหารนี้ คือ สถาปัตยกรรมแบบโมเสกด้วยฝีมือเหล่าศิลปินและแรงศรัทธาของชาวบ้านท้องถิ่นที่มีต่อหลวงพ่อคูณ ช่วยการสร้างสรรค์ บรรจงติดกระเบื้องเซรามิค จำนวนมากกว่า 20 ล้านชิ้น ส่งผลให้เป็นวิหารเซรามิคที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

นางสาวมยุริญ ผ่องผุดพันธ์ ดารานักปฏิบัติธรรม เล่าถึงผลที่ได้จากการนำหลักธรรมมาใช้ในชีวิตว่า “ธรรมะทำให้ใจสงบ และเกิดปัญญา ทำให้รู้ว่าผลที่ไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเอง คำว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” มีจริงๆ การเรียนรู้ธรรมะทำให้รู้ว่า ควรใช้ชีวิตอย่างไร ควรเดินไปทางไหน ชีวิตนั้นก็จะมีแต่ความสุขและก็สันติสุขโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มงคลชีวิต 38 ประการ เป็นหลักธรรมที่ง่ายต่อความเข้าใจและการนำไปใช้ อยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำกัน เชื่อว่า ทุกคนทำได้ หากตั้งใจเรียนรู้และฝึกจริงจัง”

สำหรับผู้ที่สนใจ วิหารเทพวิทยาคม ตั้งอยู่ที่ “วัดบ้านไร่” หรือ “วัดหลวงพ่อคูณ” ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เปิดให้เข้าเยี่ยมชมและสักการะอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไประหว่างเวลา 08.00-17.00 น. ผู้สนใจสอบถามข้อมูลหรือสำรองการเข้าชมเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 081-617-2122 หรือ www.watbaanrai.com

HTML::image( HTML::image(