นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ กรรมการผู้จัดการ บจ.เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุมทั้ง คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิต เผยเกี่ยวกับการเปิดตัว “เดอะสเตจ” (The Stage) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ของบริษัทว่า “การพัฒนาแบรนด์ “เดอะ สเตจ” ทางเรียลแอสเสทตั้งใจและใส่ใจเป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาเกือบ 1 ปีในการพัฒนาแบรนด์ให้สำเร็จ และออกมาสวยงาม กลุ่มเป้าหมาย มีตำแหน่งทางการตลาดที่ชัดเจน เนื่องจากเรารู้ดีว่าเรายังเป็นน้องใหม่ในตลาด ดังนั้น การจะพัฒนาอะไรก็ตาม เรายอมที่จะเสียเวลา เพื่อให้ได้สิ่งที่ดี และเหมาะสมทั้งกับเรา และกลุ่มลูกค้าของเรามากที่สุด สำหรับแบรนด์นี้ เราได้พัฒนาให้เป็นแบรนด์สำหรับไฮไรส์คอนโดมิเนียม ที่มีความโดดเด่นด้านทำเลเป็นสำคัญ คือ ใกล้ mass transit ดังนั้น ต่อไปนี้ หากว่าเห็นแบรนด์เดอะ สเตจ นั่นจะหมายถึงคอนโดแนวสูงที่มีศักยภาพทางทำเลเป็นเลิศ โดยกลุ่มเป้าหมายของเราวางคอนเซ็ปต์ไว้ที่กลุ่ม Desirer คือ ที่มีอายุประมาณ 28-35 ปี รายได้ประมาณ 45,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานมาแล้วระยะหนึ่ง มีเงินออม รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และพยายามทำในสิ่งที่ต้องการให้ได้ โดยไม่ทำอะไรเกินตัว ดังจะเห็นได้จากโลเคชั่นแรกแห่งนี้เป็นหลัก ที่ดินของเราไม่ได้ติดเชิงสะพานรถไฟฟ้า หรือติดอินเตอร์เชนจ์ขนาดเดินก้าวเดียวถึงบ้าน แต่ของเราห่างออกมาอีก 400 เมตร เพื่อให้ลูกค้าได้บ้านในราคาที่สบายกระเป๋ามากขึ้น เป็นต้น จากตัวอย่างนี้ เราสามารถกลับไปที่ Brand Statement “เดอะ สเตจ ชีวิตที่โดดเด่น ชีวิตที่เป็นคุณ”
โครงการแรกสำหรับแบรนด์ เดอะ สเตจ คือ โครงการเดอะ สเตจ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งนอกจากจะเป็นแบรนด์ใหม่แล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่เรียลแอสเสทหันมาจับโครงการไฮไรส์อีกด้วย โดยโครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์สาย 2 มีมูลค่าโครงการกว่า 2,400 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.89 ล้านบาท แนวคิดในการออกแบบ คือ การผสมผสานความงดงามของไม้ และความอ่อนโยนของสายน้ำมาใช้ โดยดึงคุณลักษณะของไม้ (Character of wood) มาจัดวาง ในระนาบที่แตกต่าง และนำสายน้ำมาใช้เพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหว ดั่งการนั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยโครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลดีย่านเตาปูน ถนนประชาราษฎร์สาย 2 มีพื้นที่โครงการทั้งหมดประมาณ 3-3-84.9 ไร่ ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีเตาปูน อินเตอร์เชนจ์เพียง 400 เมตร เป็นอาคารสูง 1 อาคาร จำนวน 36 ชั้น 773 ยูนิต และช็อปเฮ้าส์จำนวน 4 ช็อป เริ่มต้นห้องด้วยขนาดสตูดิโอขนาด 26.3ตร.ม. , 32.2 ตร.ม. และแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 56.1 ตร.ม. และ 61.4 ตร.ม. ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว และลิฟท์สำหรับขนส่งอีก 1 ตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้องฟิตเนส ห้องอ่านหนังสือ สระว่ายน้ำ แบบ Infinity Edge ยาว 25 เมตร ห้องซาวน่า และห้องซักรีดส่วนกลาง
เมื่อกล่าวถึงความมั่นใจในศักยภาพของทำเลย่านนี้ นายสกุลธร กล่าวว่า “สำหรับศักยภาพของทำเลย่านนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าบริเวณนี้ในอนาคตจะเป็นศูนย์รวมของการคมนาคมระบบราง เนื่องจากแผนการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ และเป็นสถานีที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย อันได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่วิ่งจากบางซื่อจนถึงบางใหญ่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน วิ่งจากบางซื่อ-ท่าพระ และรถไฟฟ้าสายสีแดง วิ่งบางซื่อ – ตลิ่งชัน การพัฒนาดังกล่าวจะส่งผลให้บริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีความสะดวกในการเดินทาง เป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าหลายสายสามารถเดินทางไปทั่วทุกส่วนในกรุงเทพมหานคร อีกทั้งการพัฒนารัฐสภาแห่งใหม่ และการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย ซึ่งพัฒนาเป็นอาคารสูง 22 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 36,375 ตารางเมตร ในอนาคตความต้องการที่พักอาศัยในบริเวณนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้เนื่องจากการย้ายแหล่งงานมา ณ บริเวณนี้ ทำให้พนักงานและข้าราชการที่ย้ายมาทำงานในบริเวณนี้มีความต้องการที่พักอาศัยที่ใกล้กับสถานที่ทำงาน”
สำหรับการขายโครงการเดอะ สเตจ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ทางเรียลแอสเสทฯ ได้ให้ทางบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บริหารงานขาย โดยผลวิจัยข้อมูลตลาดคอนโดมิเนียมย่านเตาปูนจากทางบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราพบว่าอุปทานคอนโดมิเนียมบริเวณย่านเตาปูนที่เปิดขายตั้งแต่ปีพ.ศ.2551 ถึง กลางปี พ.ศ. 2554 มีทั้งสิ้น 15,525 หน่วย โดยคอนโดมิเนียมในบริเวณเตาปูนเริ่มมีการพัฒนาครั้งแรกในปีพ.ศ. 2551 โดยโครงการแรกคือ โครงการเซ็นทริค ซีน รัชวิภา ของเอส ซี แอทแซท จำกัด มหาชน และ ปลายปีพ.ศ. 2552 เริ่มมีการเริ่มต้นก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ทำให้บริเวณนี้เริ่มมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ในปีพ.ศ. 2554 เป็นต้นมา และเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นในปีพ.ศ.2556 โดยในปีพ.ศ. 2556 พบว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายเป็นจำนวนสูงที่สุด ถึง 6,102 หน่วย เนื่องจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้คืบหน้าไปถึง 80% ส่วนในครึ่งปีแรกของปีนี้ มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ราว 3,083 หน่วย คาดว่าครึ่งปีหลังของปีพ.ศ. 2557 จะมีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขาย ณ บริเวณนี้พอสมควร เนื่องจากบริเวณนี้เป็นบริเวณที่สะดวก และน่าจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีความต้องการค่อนข้างสูง
ด้วยศักยภาพของพื้นที่บริเวณนี้จะเห็นได้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ค่อนข้างดี มีจำนวนหน่วยที่ขายแล้วถึง 11,493 หน่วย จากจำนวนหน่วยทั้งสิ้น 15,113 หน่วย มีหน่วยเหลือขายเพียง 3,640 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 76 โดยจำนวนหน่วยขายต่อปี เฉลี่ยที่ 1,770 หน่วย ดังนั้นจำนวนหน่วยขายที่เหลืออยู่คาดว่าจะหมดภายในสิ้นปีพ.ศ.2558 บริเวณนี้จึงเป็นบริเวณที่คอนโดไม่เกินความต้องการของผู้ซื้อ
อุปสงค์คอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ใกล้สถานีเตาปูน มีจำนวนหน่วยขาย ราว 3,833 หน่วย และอัตราการขายสูงที่สุดถึงร้อยละ 86.5 มีจำนวนหน่วยเหลือขายเพียง 600 หน่วย รองมาได้แก่ คอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีบางซ่อน มีจำนวนหน่วยขายราว 3,823 หน่วย ส่วนอัตราการขายอยู่ที่ร้อยละ 79.4 สถานีวงศ์สว่างมีจำนวนหน่วยขายสูงเป็นอันดับที่สาม คือ ราว 2,367 หน่วย อัตราการขายร้อยละ 74 และ สถานีติวานนท์ มีจำนวนหน่วยขายสูงเป็นอันดับที่ 4 ซึ่งมีหน่วยขายราว 1,465 หน่วย อัตราการขายอยู่ที่ร้อยละ 54.7
ราคาขายของคอนโดมิเนียมจะขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง หากสถานที่ตั้งตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าระดับราคาขายจะสูงกว่าสถานีที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า โดยราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 88,468 บาท ต่อตารางเมตร ปรับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 46 จากราคาขายคอนโดมิเนียมในปี พ.ศ.2553 หรือ เฉลี่ย ปีละ 11.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แหล่งที่มา: ฝ่ายวิจัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมบริเวณเตาปูนพบว่า ตลาดคอนโดมิเนียมบริเวณเตาปูนมีแนวโน้มที่ดี ทั้งนี้เนื่องจากจำนวนหน่วยเหลือขายมีน้อยเพียงราว 3,640 หน่วย ในขณะที่ความต้องการต่อปี ของคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้เฉลี่ยที่ปีละ 1,770 หน่วย ดังนั้นคอนโดมิเนียมบริเวณนี้ไม่มีภาวะล้นตลาดหรือเกินความต้องการ หากเทียบกับบริเวณอื่นๆในกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้เนื่องจากสถานที่ตั้งค่อนข้างดี ในอนาคตจะเป็นบริเวณที่สะดวกในการเดินทางไปบริเวณต่างๆในกรุงเทพมหานคร สำหรับนิสิต นักศึกษา ข้าราชการ พนักงานบริษัท หรือ นักธุรกิจ เนื่องจากการเดินทางที่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยระบบราง หรือ ถนน การเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจ แหล่งท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง หรือแม้กระทั่งเดินทางไปยังส่วนต่างๆของกรุงเทพมหานคร ในส่วนของระดับราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นแน่นอน จากสถิติในอดีตการปรับขึ้นของราคาขายในแต่ละปีสูงเกินร้อยละ 10 และเมื่อการพัฒนาระบบรางต่างๆแล้วเสร็จ จะส่งผลให้ระดับราคาขายคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ปรับตัวขึ้นสูง ไม่แพ้บริเวณศูนย์กลางธุรกิจแน่นอน
“สำหรับโครงการเดอะ สเตจ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ทางเรียลแอสเสทมั่นใจว่าจะเป็นอีก 1 ทางเลือกที่สำคัญสำหรับลูกค้าในย่านนี้ ในภาวะที่ราคาคอนโดฯ ยังไม่ขยับขึ้นไปสูงมากนัก และเราสามารถขายได้ในราคาที่แข่งขันกับตลาดได้ เราขอเสนอตัวเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับท่านผู้บริโภคที่สนใจการอยู่อาศัยในทำเลแห่งอนาคตแห่งนี้ โดยโครงการนี้จะเปิดขาย Pre Sales ครั้งแรกวันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2557 ณ สำนักงานขายโครงการ โดยราคา Pre Sales เริ่ม 1.89 ล้าน เริ่มผ่อน 5,XXX บาท/เดือนเท่านั้น พร้อมสิทธิพิเศษฟรีค่าธรรมเนียมรูดบัตรเครดิต 0% 6 เดือน สำหรับเงินจองและทำสัญญา โดยเรามีพันธมิตรจาก 3 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงศรีฯ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 088-004-5551 หรือ www.realasset.co.th” นายสกุลธรกล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit