คาดิลแลคเตรียมใช้ “เทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะ” สุดล้ำในรถรุ่นปี 2017 เทคโนโลยีซูเปอร์ครูสและวีทูวีจะถูกติดตั้งในรถที่จำหน่ายในอีกสองปีข้างหน้า

22 Sep 2014
แมรี่ บาร์ร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของจีเอ็ม เปิดเผยระหว่างงานประชุมอินเทลลิเจนท์ ทรานสปอร์ต ซิสเต็ม เวิลด์ คองเกรส [Intelligent Transport System (ITS) World Congress] ในเมืองดีทรอยท์ว่า จีเอ็มจะเริ่มใช้ “เทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะ” ในรถคาดิลแลครุ่นปี 2017

ภายในอีกสองปีข้างหน้า รถคาดิลแลค รุ่นปี 2017 ใหม่ล่าสุดจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อันล้ำสมัยที่มีชื่อว่าซูเปอร์ครูส (Super Cruise) ขณะเดียวกันคาดิลแลค ซีทีเอส รุ่นปี 2017 จะได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างยานยนต์หรือวีทูวี (vehicle-to-vehicle – V2V)

“นวัตกรรมช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์โลกและเรากำลังเดินหน้าพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพื่อคงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีไว้” บาร์ร่ากล่าว “เราไม่เพียงพัฒนาเทคโนโลยีให้สูงขึ้นเท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก เราจะยกระดับการขับขี่ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำสมัย”

ซูเปอร์ครูสเป็นเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของจีเอ็มที่ช่วยให้ลูกค้ามีประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ไม่ว่าจะเป็นการขับอยู่ในช่องทางจราจร การเบรกและควบคุมความเร็วโดยอัตโนมัติบนถนน ระบบนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ที่มีความระมัดระวัง สามารถใช้งานได้ทั้งในสภาพการจราจรติดขัดและบนถนนทางไกล

ขณะที่เทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างยานยนต์หรือวีทูวีสามารถช่วยลดอุบัติเหตุบนถนนและบรรเทาปัญหาการจราจรอันติดขัดได้ด้วยการรับและส่งข้อมูลความปลอดภัยเบื้องต้น อาทิ ตำแหน่ง ความเร็วและทิศทางของรถยนต์ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าหากัน เทคโนโลยีนี้จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่และสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบความปลอดภัยเชิงรุกอย่างระบบแจ้งเตือนป้องกันการชนด้านหน้าซึ่งมีอยู่ในรถหลายรุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบัน

อุบัติเหตุบนถนนยังคงเป็นปัญหาในทุกประเทศทั่วโลกเนื่องจากความต้องการในการใช้ยานพาหนะ ส่วนบุคคลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลกมีความแออัดมากยิ่งขึ้น ผลสำรวจล่าสุดของหน่วยงานเพื่อความปลอดภัยการจราจรแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Highway Traffic Safety Administration) คาดการณ์ว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมมูลค่ามากกว่า 870,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี “การพัฒนาเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นถือเป็นความรับผิดชอบของเรา” บาร์ร่ากล่าว