สำหรับการจัดงานดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ร่วมจัดงานกับรัฐบาลที่ท้องสนามหลวง และจัดนิทรรศการพร้อมทั้งจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพบริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่แยก จปร. ตลอดไปจนถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยทุกหน่วยงานในสังกัดได้ร่วมกันนำเสนอเนื้อหาที่แสดงถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูดินการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าด้านการเกษตร อาทิ ตามรอยปฐพีใต้ธุลีพระบาท นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรมแสดงพระอัจฉริยภาพด้านดิน การอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่สูง การปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ การทำนาอย่างรู้คุณค่าของน้ำ นำเสนอการปลูกข้าวแบบใช้น้ำน้อย ด้วยผลงานวิจัยและเทคโนโลยีเปียกสลับแห้ง Wet and dry จอมปราชญ์ แห่งสายธารา แสดงพระอัจฉริยภาพด้านการชลประทาน ใช้น้ำอย่างรู้คิด เพิ่มผลผลิตให้แผ่นดินและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แสดงการใช้น้ำในกระบวนการผลิตปศุสัตว์ตั้งแต่ฟาร์ม โรงฆ่าสัตว์ อย่างมีประสิทธิภาพ ฝนจากฟ้าด้วยพระปรีชาบิดาของแผ่นดิน แสดงโมเดลการบริหารจัดการน้ำในชั้นบรรยากาศ โดยยึดตามตำราฝนหลวงพระราชทาน การบริหารจัดการน้ำด้วยวิธีการสหกรณ์ นำเสนอรูปแบบของสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด เป็นต้น
นอกจากการจัดงานในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา แล้ว ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในแต่ละเดือน ตลอดทั้งปี 2558 ในการนำเสนอ/เผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระองค์ในทุกๆ มิติ และนำเสนอให้ประชาชนเห็นอย่างเป็นรูปธรรมได้ว่า จะประหยัดน้ำซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญได้อย่างไร เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญต่อสถานการณ์ความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในปัจจุบัน และรณณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และความยากลำบากในการได้มาของน้ำของแต่ละหยด เพื่อให้เกิดการสร้างความร่วมมือของคนในชาติ ให้ตระหนักถึงการใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างรู้คุณค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด และการปลูกฝังแนวคิดด้านการอนุรักษ์น้ำและการใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างรู้คุณค่าให้กับเยาวชน เพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาชาติอย่างยั่งยืน โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้กำหนดแผนดำเนินงานในรูปแบบการจัดกิจกรรมเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการและครัวเรือน
โดยในส่วนของ ภาคการเกษตร จะรณรงค์ให้เกษตรกรรู้จักการปลูกพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และแหล่งน้ำ หรือแม้แต่ลด/เลิกการเพาะปลูกพืช/กิจกรรมการเกษตรบางชนิดที่ไม่คุ้มค่ากับคุณค่าของน้ำและการลงทุนการทำการเกษตรในลักษณะเอื้อต่อกันในระบบ ลดการใช้น้ำฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นของแต่ละกิจกรรมในฟาร์มการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบและในระบบการผลิตทางการเกษตร โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีและวิทยาการใหม่ๆในการจัดการน้ำในระบบการผลิตให้เกษตรกรรายย่อย/กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เช่น การใช้น้ำในการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำระบบหมุนเวียนน้ำ และบำบัดคุณภาพน้ำตามธรรมชาติ โดยไม่มีการระบายน้ำที่ผ่านการเลี้ยง และสารอินทรีย์ลงสู่สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ใช้น้ำน้อย อาทิการเลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงกบ การทำระบบ Zero Waste ในฟาร์มปศุสัตว์ โดยบำบัดน้ำเสียจากฟาร์มปศุสัตว์และนำน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ เช่น ผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม หรือนำน้ำที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียแล้วกลับไปใช้ในฟาร์มใหม่ การแปรรูปจากน้ำสาวไหม เช่น สบู่โปรตีนไหม ผ้าปิดแผล เครื่องสำอาง เป็นต้น การปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวโดยเฉพาะพื้นที่การปลูกข้าวในภาคกลาง
ภาคอุตสาหกรรม รณรงค์การใช้น้ำในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ การปรับระบบการใช้น้ำในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม เช่น ใช้น้ำเพื่อลดความร้อน/การชะล้าง มาสู่ระบบอื่นทดแทน และการปรับเทคโนโลยีการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงให้มากขึ้น โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อลดอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ลดน้อยลงและหมดไปในที่สุด
ภาคบริการและครัวเรือน ส่งเสริมกิจกรรมที่ใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคบริการที่มีการใช้น้ำเป็นปริมาณมากๆ เช่น โรงแรม สถานบันเทิง ร้านอาหาร และกิจกรรมอื่นๆ ในเมืองใหญ่ และการสนับสนุนการใช้น้ำในครัวเรือนเท่าที่จำเป็นและประหยัด รวมทั้งการหมุนเวียนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดในกิจกรรมต่างๆ ของครัวเรือน เช่น การซักล้าง การรดน้ำต้นไม้ การล้างรถ เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยร่วมชมพระอัจฉริยภาพของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ท้องสนามหลวง และที่บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่านนิทรรศการที่มีชีวิตอันตื่นตาตื่นใจได้ในระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 6 ธันวาคม 2557 ““ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า พัฒนาปฐพี” ได้ตั้งแต่เวลา 09.00 – 22.00 น. โดยภาคกลางคืนจะได้พบกับการแสดงจากศิลปินค่ายอาร์เอสที่จะมาสร้างความบันเทิงเป็นประจำทุกคืนด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit