รมว.พม. เร่งแก้ไขปัญหาสังคมรายวัน กำชับเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือเยียวยา

04 Dec 2014
รมว.พม. เร่งแก้ไขปัญหาสังคมรายวัน กำชับเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือเยียวยา พร้อมชี้แจงกรณีชายไร้สัญชาติ ยื่นเรื่องขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ

วันนี้ (๒ ธ.ค. ๕๗) เวลา ๐๗.๓๐ น. พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ ๕๓/๒๕๕๗ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงาน ในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น ๘ อาคารใหม่ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สะพานขาว กรุงเทพฯ

พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากกรณีเด็กหญิงวัย ๑๕ ปี เป็นนักกีฬาฮ็อกกี้ทีมชาติไทย อาศัยอยู่กับตา ที่ป่วยเป็นโรคเก๊าและกล้ามเนื้ออ่อนแรงเดินไม่ได้ และยาย ที่ป่วยเป็นโรคตับและไตขั้นรุนแรง ไม่สามารถลุกไปไหนได้ ซึ่งเด็กหญิงได้สิทธิ์ไปแข่งขันกีฬาฮ็อกกี้ที่ต่างประเทศ แต่ต้องสละสิทธิ์เพราะต้องดูแลตากับยาย และไม่มีเงินไปทำพาสปอต ที่ จ.อุตรดิตถ์ และล่าสุดยายได้เสียชีวิตลงแล้ว ซึ่งจากกรณีดังกล่าวตนได้กำชับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุตรดิตถ์ (พมจ.อุตรดิถต์) เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือ ในเบื้องต้น จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ และส่งเสริมสนับสนุนด้านการเป็นนักกีฬาฮ็อกกี้ทีมชาติไทย พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลด้านการรักษาพยาบาลคุณตาของเด็กหญิงต่อไป และกรณีกระทรวงฯ จะมอบรางวัล “ประชาบดี” ประจำปี ๒๕๕๗ แก่ชายเร่ร่อนวัย ๘๓ ปี ที่บำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือสังคม ตามที่สำนักส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) ประกาศรายชื่อ “ผู้ทำประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น” เพื่อเข้ารับรางวัล “ประชาบดี” ประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติยศของกระทรวงฯ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวตนเห็นสมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะนับเป็นบุคคล ตัวอย่างที่น่ายกย่อง แม้จะหลงผิดในการใช้ชีวิต แต่สุดท้ายก็กลับตัวเป็นคนดีของสังคม หันมาใช้ชีวิตให้ถูกต้อง และอุทิศตนบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมเป็นอาสาสมัครที่บ้านมิตรไมตรี กรุงเทพฯ ทำหน้าที่ดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพักพิงสถานสงเคราะห์ และจากกรณีพบยายอายุ ๑๐๔ ปี มีฐานะยากจน อาศัยอยู่กับเหลนที่ป่วยมีปัญหาทางสมอง ในบ้านพักสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างหนัก แต่ในอดีตเคยบริจาคที่ดินให้ทางราชการ สร้างอนามัยนิคม กม.๑๒ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีสถานที่รักษาอาการเจ็บป่วยของชาวบ้านในพื้นที่ จำนวน ๓ ไร่ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าวตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมเสนอให้เป็นผู้สูงอายุตัวอย่างที่น่ายกย่องเชิดชู คิดทำประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม

พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีนายสุลต่าน ฮาเหม็ด ชายไร้สัญชาติวัย ๕๕ ปี มีอาชีพเป็นล่ามและขายโรตี พร้อมนางฮาบีมา บักกรัม ภรรยาไร้สัญชาติวัย ๕๓ ปี มีอาชีพเป็นแม่บ้าน เข้ายื่นเรื่องต่อศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ภายใต้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อขอรับเด็กชายชาวพม่าวัย ๗ ขวบ ที่ถูกพ่อแม่แท้จริงทอดทิ้ง เป็นบุตรบุญธรรม แต่ทางกระทรวงฯ มีหนังสือไม่อนุมัติด้วยเหตุผลว่า นายสุลต่านฯ มีการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ไม่มีความมั่นคงในด้านที่อยู่อาศัย อาชีพ รายได้ และเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกพ่อแม่สำหรับบุตรบุญธรรม จะมีคณะกรรมการพิจารณาถึงความพร้อมของพ่อแม่ที่จะรับเลี้ยงดูเด็ก มีการสืบประวัติ รวมถึงทดลองการเลี้ยงดู ตามกระบวนการ ซึ่งเด็กจะต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีที่สุดและเหมาะสมต่อไป