รมว.พม. เร่งแก้ไขปัญหาสังคมรายวัน กรณีพบชายวัย ๔๐ ปี ตกงาน แต่ต้องเลี้ยงดูลูกน้อยอีก ๖ คน อับจนหนทางขายรถและบ้าน พาลูกเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัย ที่ จ.สุรินทร์

12 Dec 2014
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ ๕๖/๒๕๕๗ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น ๘ อาคารใหม่ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สะพานขาว กรุงเทพฯ

พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ กล่าวว่า จากกรณีพบชายอายุ ๔๐ ปี ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ตกงาน หลังภรรยาเสียชีวิต ทิ้งลูกน้อย ๖ คน ให้เลี้ยงดู ต้องขายบ้านและรถที่มีเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูก เมื่อมาขอความช่วยเหลือจากแม่ยายกลับถูกขับไล่ ไม่ใยดี ต้องพาลูกเร่ร่อนไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง อาศัยกางเต้นท์นอนตามที่สาธารณะ ที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวตนได้กำชับเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ (สนง.พมจ.สุรินทร์) เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องที่พักอาศัย ส่งเสริมการประกอบอาชีพให้ผู้เป็นพ่อ และดูแลด้านการศึกษาของเด็ก ส่วนกรณีพบเด็กชาย ๓ คนพี่น้อง ต้องใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพัง เนื่องจากพ่อไปทำงานรับจ้างรายวันที่กรุงเทพฯ และแม่ได้หายตัวไป ทำให้ ๓ พี่น้อง ต้องดูแลกันเอง อาศัยอยู่ในบ้านสภาพชำรุดทรุดโทรม ที่จังหวัดร้อยเอ็ด จากกรณีดังกล่าวตนได้กำชับเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด (สนง.พมจ.ร้อยเอ็ด) เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลซ่อมแซมบ้านพักอาศัยที่ชำรุดต่อไป พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณียายทวดวัย ๗๑ ปี พาเหลนวัย ๒ ขวบ เข้าร้องทุกข์ ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท เพื่อตามหาหลานสาววัย ๒๕ ปี ซึ่งเป็นแม่ของเหลนคนดังกล่าว เนื่องจากหลังคลอดเหลนได้ ๒ เดือน อ้างว่าจะเข้าไปทำงานหาเงินที่กรุงเทพฯ แล้วติดต่อไม่ได้อีกเลยเป็นเวลา ๒ ปีกว่าแล้ว ซึ่งยายทวดไม่ได้ประกอบอาชีพเพราะชราภาพแล้ว มีเพียงรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ ๗๐๐ บาทเท่านั้น จากกรณีดังกล่าวตนได้กำชับเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยนาท (สนง.พมจ.ชัยนาท) เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง