นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ
โฆษกกระทรวงการคลัง แถลงฐานะการคลังของภาคสาธารณะตามระบบ สศค. (
รัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และ
รัฐวิสาหกิจ) ประจำปีงบประมาณ 2557 (ตุลาคม 2556 – กันยายน 2557) มีรายได้รวม 7,536,651 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว 49,296 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 เป็นผลจากรัฐวิสาหกิจมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี รัฐบาลและกองทุนนอกงบประมาณมีรายได้ต่ำกว่าปีที่แล้ว จำนวน 71,419 และ 43,114 ล้านบาท ตามลำดับ โดยภาษี ที่รัฐบาลจัดเก็บได้ต่ำกว่าปีที่แล้วที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เนื่องจากอุปสงค์รถยนต์ในประเทศที่หดตัวลง ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นผลจากการปรับลดอัตราภาษี นอกจากนี้ กองทุนนอกงบประมาณ มีรายได้ต่ำกว่าปีที่แล้วเนื่องจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองมีรายได้จากเงินอุดหนุนลดลงเป็นสำคัญ สำหรับด้านการเบิกจ่ายภาคสาธารณะมีทั้งสิ้น 7,803,945 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว 260,295 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.5 เป็นผลจากรัฐวิสาหกิจ รัฐบาล และ อปท. มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากรายได้และรายจ่ายดังกล่าว ส่งผลให้ดุลการคลัง ภาคสาธารณะขาดดุล 267,294 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 2.2 ของ GDP) ขาดดุลสูงกว่าปีที่แล้ว 210,999 ล้านบาท ทั้งนี้ ดุลการคลังเบื้องต้นของภาคสาธารณะ (Primary Balance) ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงาน และทิศทางของ
นโยบายการคลังอย่างแท้จริง (ไม่รวมรายได้และรายจ่ายดอกเบี้ย รวมทั้งการชำระคืนต้นเงินกู้) ขาดดุล 69,534 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.6 ของ GDP)
นายกฤษฎาฯ สรุปว่า “การใช้จ่ายของภาคสาธารณะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว”